Explore the Knowledge for Runner
“พี่เป็นคนโชคดีที่สุดเลยค่ะ … ที่ได้รองเท้าคู่นี้ไป … ใครๆมาลองก็ใส่ไม่ได้สักที”
คำพูดของน้องคนขายทำให้การตัดสินใจควักกระเป๋าตังค์ง่ายขึ้นค่ะ
หลังจากที่มองหารองเท้าวิ่งสำรองอีกสักคู่ที่ดีพอๆกับคู่หลักมาระยะหนึ่ง ไปลองมาก็หลายรุ่น หลายยี่ห้อ จบลงที่ยี่ห้อหนึ่ง แต่ยังไม่ยอมควักเงิน ด้วยสนนราคา 6,000 กว่าบาท เลยไม่ได้ตัดใจซื้อสักที แม้จะเป็นรองเท้าสำรอง แต่ด้วยคุณสมบัติที่ต้องการช่างไฮโซซะเหลือเกิน รองเท้าสำรองจึงมีราคาเทียบเท่ารองเท้าหลัก อีกอย่าง ยังลังเลว่าถ้าใช้ยี่ห้ออื่นที่แตกต่างไปจากยี่ห้อเดิมกับที่เคยใช้ เท้าเราจะยังยอมรับได้หรือเปล่า มัวแต่คิดไปคิดมา เลยไม่ได้ซื้อสักที
และเมื่อได้ทราบว่า supersport ลดราคาครั้งใหญ่อยู่ที่ศูนย์สิริกิติ์ จึงลองไปดู และก็ได้เห็นรองเท้าข้างหนึ่ง ลองแล้วพอดีมาก แถมเป็นรุ่นที่เป็นหนึ่งในรุ่นที่เคยเล็งไว้ ราคาลดแล้วเหลือ 3,800 บาท ลองซ้ำอยู่ 2 ครั้งเพื่อความแน่ใจ เมื่อรวมกับคำพูดของน้องคนขาย และรองเท้าลดราคา จะหาขนาดได้พอดีก็แสนยาก จึงได้ยอมจ่ายเงินและเดินออกมา กลับบ้านทดลองใส่เดิน และวิ่ง 2 เส้นทางให้แน่ใจ และก็ได้พบว่า “นี่ ฉันไปอยู่ที่ไหนมาเนี่ย …!?!”
รองเท้ารุ่นนั้นคือ “Adistar Boost” ค่า
ด้วยน้ำหนักที่เบา ประมาณ 273 กรัม (รุ่นผู้หญิง) เหมาะกับนักวิ่งโค้งเท้าปกติถึงเท้าแบน
เมื่อลองหาข้อมูลเกี่ยวกับรองเท้าคู่นี้ (ควรหาก่อนซื้อไหมเนี่ย) จึงได้ความว่า
เทคโนโลยี “Boost” คือ พื้นรองเท้าที่ทำมาจากเม็ดโฟมแบบนุ่มรองรับเท้า เมื่อเหยียบลงพื้นแล้ว เม็ดโฟมจะช่วยเด้งแรงกลับได้ดี วัสดุหุ้มหลังเท้าเป็นแบบ Techfit ซึ่งยืดได้ตามรูปเท้า ทำให้ใส่สบาย ไม่มีรอยตะเข็บ ให้สะกิดหลังเท้าเวลาวิ่ง บริเวณส้นเท้าเป็นแบบล็อคส้นเท้าให้อยู่กับที่ ในขณะเดียวกันก็ยอมให้มีการเคลื่อนไหวในแนวดิ่งอยู่บ้าง เพื่อความคล่องตัวเมื่อวิ่ง
ส่วนพื้นรองเท้า มีระบบ Pro-Moderator ช่วยลดอัตราการตกลงของโค้งเท้า และปรับเท้าให้เข้ากับพื้นผิวสัมผัส เพื่อให้มีการส่งถ่ายแรงที่ราบเรียบ และยังมีระบบ Torsion กลางพื้นรองเท้า เพื่อป้องกันโค้งเท้าตกลงมากเกินไป พื้นแบบ Continental กันลื่นได้ดี สามารถวิ่งได้ความเร็วตั้งแต่ 4.3 – 7.5 นาทีต่อกิโลเมตร สามารถวิ่งได้หลายพื้นผิว วิ่งได้ตั้งแต่ Moderate threshold ถึง Tempo เลยล่ะค่ะ
ว้าว! คุณสมบัติดูเลอเลิศมาก แต่อย่างไรก็ตาม การได้ลองก่อนเป็นเรื่องดีเสมอ เมื่อนำมาใช้วิ่งที่ความเร็ว 5.30 – 7.30 นาทีต่อกิโลเมตร ก็พบว่านุ่มเท้า เบา รองรับแรงกระแทกได้ดี ไม่แพ้ระบบเจลเลยล่ะค่ะ แต่พื้นแค่อาจไม่นิ่มเท่าระบบเจลเท่านั้นเอง
เอาเป็นว่า ได้รองเท้าสำรองแล้วล่ะค่ะ ไว้ใส่สลับกับวันวิ่งเร็วของรองเท้าหลัก วันไหนวิ่งช้าก็ใช้รองเท้าสำรองนี่แหละ ช่วยๆกันกระจายการทำงานกันออกไปละกันนะคะ รองเท้าดีๆเหมาะกับเท้าเรา และโปรแกรมการวิ่งของเรา ไม่ได้หาได้ง่ายๆค่ะ
ที่เอามาลงนี่ ไม่ได้จะโฆษณารองเท้าแต่อย่างใดนะคะ เพียงแต่ว่าได้เจอของดีถูกใจ เลยเอามาแบ่งปันให้เพื่อนๆนักวิ่งได้รู้เอาไว้บ้างค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย
ขอให้เพื่อนนักวิ่งได้มีรองเท้าสำรองคู่ถูกใจไว้ใช้สักคู่กันนะคะ
Recent Comments