Explore the Knowledge for Runner
สัญญาณร่างกายที่บ่งบอกถึงความไม่พร้อมหลายด้าน ได้แสดงออกมาก่อนวันแข่ง 2 วัน
1. การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอสะสมเป็นสัปดาห์
2. ความเครียดจากการทำงาน แม้น้อยๆแต่มีผลต่อร่างกาย
3. แข่งวันอาทิตย์ วันศุกร์ไข้ขึ้นต่อเนื่องถึงวันเสาร์
4. ทานยาแก้แพ้ ร่างกายต้องการน้ำ ดื่มเข้าไม่พอ
วิธีแก้ที่ทำไปก่อน คือ ดื่มน้ำเยอะๆ 1 วันก่อนหน้า และนอนเยอะๆ 2 วันก่อนหน้า ถึงอย่างนั้นตื่นเช้ามาวันอาทิตย์ ก็ยังเมื่อยตัว ปวดหัวเล็กน้อย ถามตัวเองว่าไหวไหม คำตอบคือร่างกายยังไม่รู้ แต่ใจยังไหว ไปถึงที่งานก่อนละกัน ค่อยว่ากันอีกที
อากาศวันนี้เหมือนเป็นใจ ไม่ร้อนมาก ถึงงานแล้ววิ่งเหยาะๆ ยืดเส้นยืดสาย ดื่มๆจิบๆน้ำไปเรื่อยๆ เมื่อถึงเวลาก็เชคอิน ขยับไปขยับมารอการปล่อยตัว ตอนที่รออยู่นั่นเอง ละอองฝนก็โปรยลงมา พอทำให้ชื้น แต่ไม่เย็น มองอุณหภูมิที่แจ้งไว้ที่จุดปล่อยตัว บอกว่า 28 องศา และคงไม่ต้องบอกว่าความชื้นคงเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น อุณหภูมิที่สูงขึ้น รวมกับความชื้น จะทำให้เราระบายอากาศได้ไม่ดี รู้ได้เลยว่าวันนี้รับศึกหนักเรื่องอากาศแน่นอน ถามตัวเองอีกครั้ง ไหวไหม ร่างกายตอบว่า เอาเท่าที่ไหว แต่ใจร่ำๆอยากจะเดินออกจากจุดปล่อยตัวซะงั้น เลยปลอบใจตัวเองว่า เอาเท่าที่ไหวละกัน ถ้าไม่ไหวค่อยผ่อน
งานนี้จัดในพื้นที่โรงพยาบาล จึงไม่ใช้เสียงโดยไม่จำเป็น การปล่อยตัวจึงเป็นไปด้วยความเงียบ ออกถนนแล้วจึงค่อยได้ยินเสียงกองเชียร์ วิ่งเร่งช่วงแรกเล็กน้อย เพื่อแซงไปอยู่ในที่โล่ง และรักษาความเร็วไปเรื่อยๆ เป็นงานที่ถามร่างกายบ่อยมากว่าไหวไหม ที่น่าแปลกใจก็คือ ร่างกายที่ฝึกมาดีแล้ว ถึงเวลามันจะไหวเอง แต่ไอ้ที่จะไม่ไหวคือใจของเรานั่นแหละ เพิ่งรู้ตัวว่ากังวลใจก็ผ่านไปที่กิโลที่ 5 แล้ว เลยปล่อยใจไปตามร่างกาย และใช้ใจเร่งร่างกายในช่วงท้าย ช่วง 1 กิโลสุดท้าย มีทั้งโดนแซง และแซงคนอื่น ไม่ได้สนใจว่าใครเป็นใคร กัดฟันปล่อยของหมดเท่าที่มี 200 เมตรสุดท้าย จนถึงเส้นชัย ถึงได้รู้ตัวว่าเป็นที่ 4 ของช่วงอายุ 30 – 39 ปี รับถ้วยพระราชทานกันไปตามธรรมเนียม
ขอบคุณอากาศอบอ้าววันนี้ ที่ช่วยให้เอาชนะใจตัวเองได้อีกครั้งหนึ่ง อีกอย่างที่ต้องเตือนใจตัวเองเสมอคือ “อย่าเสี่ยง … ถ้าไม่พร้อม”
27 มีนาคม 2559
Recent Comments