Explore the Knowledge for Runner
ดูเหมือนกับว่าทุกวันนี้เพื่อนๆไม่สามารถเปิดช่องรายการกีฬา หรืออ่านหนังสือเกี่ยวกับกีฬาได้โดยไม่ได้รับรู้ว่ามีกลุ่มนักกีฬากลุ่มหนึ่งถูกกล่าวหา ตรวจสอบ หรือห้ามเข้าร่วมการแข่งขัน เนื่องจากการใช้สารช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกาย (Performance Enhancing Drug: PED) ใช่ไหมคะ ส่วนใหญ่สารเพิ่มสมรรถภาพที่ไม่ได้เป็นสารกระตุ้นผลิตมาจากฮอร์โมน และได้รับการพิสูจน์ชัดเจนในเรื่องพลังของฮอร์โมนแล้วว่า การใช้ในทางที่ผิดจะช่วยให้เป็นนักกีฬาที่มีกล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น เคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น แข็งแรงขึ้น และในกรณีของนักวิ่งระยะไกลแล้ว จะทำให้อึด และล้ายากมากขึ้นในแบบที่โลกจะไม่เคยได้เห็นมาก่อนค่ะ
เป็นเวลานานมาแล้วที่ใครๆก็สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ด้วยสารเพิ่มสมรรถภาพอย่างง่ายๆ เพื่อช่วยให้กลายเป็นนักกีฬาที่ดีและพร้อมสุดขอบ สารเพิ่มสมรรถภาพจะเปลี่ยนคนที่ไม่เป็นนักกีฬาให้เป็นนักกีฬา เปลี่ยนนักกีฬาระดับเฉลี่ยเป็นนักกีฬาดาวเด่น เปลี่ยนนักกีฬาดาวเด่นเป็นซุปเปอร์สตาร์ การศึกษาในปี 1996 ตีพิมพ์ในวารสาร New England Journal of Medicine พบว่า ผู้ชายที่ใช้สารสเตียรอยด์เป็นเวลา 10 สัปดาห์ สามารถสร้างกล้ามเนื้อได้ (13 ปอนด์) มากกว่าคนที่ไม่ได้ใช้สารถึงสามเท่า (4 ปอนด์) และที่น่ากลัวไปกว่านั้น พบว่าผู้ชายที่ใช้สารสเตียรอยด์ แต่ไม่ได้มีการฝึกซ้อมใดๆเป็นเวลาเท่ากันคือ 10 สัปดาห์สามารถเพิ่มน้ำหนักกล้ามเนื้อได้ 7 ปอนด์ เกือบเป็น 2 เท่าของคนที่ฝึกซ้อมตามปกติโดยไม่ได้ใช้ การศึกษาการใช้สาร Erythropoietin หรือเรียกสั้นๆว่า EPO เป็นสารเสริมการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดแดง แสดงให้เห็นว่า การใช้ยาเพียงแค่ 3 เดือนสามารถเพิ่ม VO2max 8% – 12% และเพิ่มเวลาที่เพื่อนๆสามารถคงอยู่ในช่วง 80% ของ VO2max (เป็นความหนักของการวิ่งฮาล์ฟมาราธอนของนักวิ่งส่วนใหญ่) ได้นานขึ้นถึง 54% พูดง่ายๆได้ว่า ความเร็วที่เพื่อนๆสามารถวิ่งฮาร์ฟมาราธอนได้โดยไม่ใช้ยา เมื่อใช้ยา EPO แล้ว เพื่อนๆจะสามารถวิ่งได้ถึง 32 กิโลเมตร ดังนั้นลองใช้สเตียรอยด์ และ HGH ดูสิคะ แล้วเพื่อนๆจะได้เป็นแบบโฆษณาการวิ่งมาราธอนได้เลยค่ะ
ถ้านั่นดูเหมือนกับว่าเป็นเรื่องหลอกลวงสำหรับคนที่อยากเป็นดาวเด่นที่มากจนเกินไป มันก็ใช่เลยค่ะ ลองพิจารณาเรื่องเหล่านี้กันดูนะคะ
ปี 2013: ไม่เป็นที่แปลกใจของใครเลยที่นักกีฬาเบสบอลเมเจอร์ลีกจำนวน 14 คน ได้ถูกระงับการเล่นชั่วคราวจากการใช้ฮอร์โมนการเจริญเติบโตของมนุษย์ (Human Growth Hormone: HGH) ค่ะ ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก และเมดิเตอร์เรเนียนไปอีกนิดหนึ่งนักกีฬากรีฑาทั้งประเภทลู่และลานของตุรกีจำนวน 31 คนถูกห้ามลงแข่งขันจากการใช้ยาแอแนบอลิกสเตียรอยด์ (Anabolic Steroids)
ปี 2012: องค์กรจักรยานนานาชาติ (Union Cycling International: UCI) ซึ่งเป็นองค์กรควบคุมนักกีฬาจักรยานระดับโลก ได้ถอด แลนซ์ อาร์มสตรอง ออกจากการแข่งขันรายการตูร์เดอฟร็องส์ 7 รายการจากการใช้ยา EPO การโด๊ปเลือด และสารเพิ่มสมรรถภาพอื่นๆ และกำลังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบว่านักกีฬาในกลุ่มเพเลตัน (Peleton) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ 2 จากกลุ่มผู้นำ มีความเกี่ยวข้องกับการใช้สารต้องห้ามชนิดเดียวกันหรือไม่ และในประเทศเคนยา นักข่าวชาวเยอรมันนามว่า ฮาโจ เซปเพลท์ (Hajo Seppelt) ได้เปิดเผยการใช้ยา EPO อย่างกว้างขวางในกลุ่มนักวิ่งระยะไกลชาวเคนยา ซึ่งมีชื่อเสียงมานานแล้วว่าเป็นสุดยอดนักวิ่งที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งยา ซ้ำยังมีความโดดเด่นตรงสถานที่อยู่อาศัยอยู่ในที่สูง จึงได้ฝึกซ้อมในที่สูงมาตลอดชั่วชีวิต ได้ฝึกซ้อมวิ่งเท้าเปล่า และรวมแล้วทำให้มีลักษณะของร่างกายที่สมบูรณ์แบบเพื่อการวิ่งระยะไกล
นักวิ่งระยะสั้นสิบอันดับแรก: นักวิ่ง 100 เมตรชายที่ได้ 10 อันดับแรกของโลกเมื่อนับจากเวลาที่ทำได้ พบว่า 7 คนถูกตรวจพบว่าได้ผลบวกจากการใช้สารช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกาย นอกจากนี้ยังมี มอริซ กรีน (Maurice Greene) ที่ถูกปรับเป็นเงิน 10,000 เหรียญสหรัฐ เนื่องจากมีความสัมพันธ์ในทางไม่ดีกับตัวแทนจำหน่ายสารช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกาย นามว่า แอนเจล เฮเรเดีย (Angel Heredia) ตามบทความที่ตีพิมพ์ปี 2008 ในนิตยสาร The New York Times มาทางฝั่งผู้หญิงบ้างนะคะ แค่พูดถึงชื่อ แมเรี่ยนโจนส์ (Marion Jones) แล้วก็ทิ้งไว้แค่นี้ล่ะค่ะ เป็นอันรู้กันค่ะ
นักวิ่งระดับแนวหน้า: ที่อายุ 40 ปี หรือมากกว่านั้น เพื่อนๆอาจคิดว่าเป็นวิกฤตของอายุช่วงกลางชีวิตที่ความสามารถทางการกีฬาได้เริ่มสึกกร่อนมากกว่าที่จะแค่ลดลงธรรมดา แต่ไม่ใช่กับนักวิ่งระยะไกลนามว่า เอ็ดดี้ เฮลบุยค์ (Eddy Hellebuyck) ซึ่งเป็นชาวอเมริกันคนแรกที่ถูกห้ามแข่งขันเนื่องจากใช้ยา EPO ทั้งที่วิ่งมาราธอนได้เวลา 2:12:46 ชั่วโมงด้วยอายุ 42 ปี ยังไม่หมดแค่นั้นค่ะ ผู้ชายอายุ 50 ปีหรือมากกว่าที่เป็นผู้กำสถิติโลกในการวิ่งระยะสั้นนาม วาล บานเวล (Val Barnwell) ทำให้ตัวเองได้รับโทษห้ามแข่งขันเป็นเวลา 2 ปีจากการใช้ยาเทสโทสเตอโรน นักกีฬาระดับแนวหน้าอีกประมาณครึ่งโหลได้ถูกห้ามตามมาเป็นชุดๆ ทั้งจากการวิ่งระยะสั้น วิ่งระยะไกล และนักกรีฑาประเภทลานด้วยค่ะ
ไม่ใช่เหตุบังเอิญที่รายชื่อนักกีฬาที่ใช้สารช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกาย ไปในทางการกีฬาอย่างผิดๆดูเหมือนจะถูกมองว่าเป็นความลับเบื้องหลังหอแห่งเกียรติคุณของการกีฬา แม้สารช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกายถือว่าได้ผล แต่มันก็ยังสามารถสร้างความเสี่ยงทางสุขภาพให้กับนักกีฬาแข่งขันอีกเป็นล้านๆคนได้
แลนซ์ อาร์มสตรอง คือเรื่องเล่าที่แย่ที่สุดของการใช้ EPO ในวงการจักรยาน เรื่องของเรื่องก็คือ ตั้งแต่ปี 1989 ซึ่งเป็นปีที่สารสังเคราะห์ EPO เพิ่งได้รับการแนะนำตัว ผลปรากฎว่ามีนักแข่งระดับชาติเป็นจำนวน 100 คนได้เสียชีวิตในขณะนอนหลับ หรือล้มเสียชีวิตจากอาการหัวใจวาย ไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลย เพราะสาร EPO ทำให้หัวใจต้องดิ้นรนทำงานอย่างหนักด้วยการเพิ่มความหนืดของเลือดจากปริมาณเม็ดเลือดแดงที่เพิ่มขึ้น และลดปริมาตรพลาสม่าในเลือดจากการใช้สาร EPO ผลอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตเมื่อรวมกับอาการขาดน้ำอย่างรุนแรงอันเป็นผลมาจากการฝึกซ้อมหลายชั่วโมงในหนึ่งวัน
สารช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกายไม่จำเป็นต้องฆ่าเพื่อนๆให้ตายหรือทำให้เจ็บหรอกนะคะ เพราะผลข้างเคียงอื่นจากการใช้สารจำพวกนี้มีมากมายกว่านั้นค่ะ นั่นก็คือ สารช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกายมีความสัมพันธ์กับภาวะลูกอัณฑะเล็กลง การไร้สมรรถภาพทางเพศ เส้นเอ็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ส่งผลให้เกิดการฉีกขาดได้ง่าย) ระดับคอเรสเตอรอลตัวแย่เพิ่มขึ้น ตับเป็นพิษ โรคดีซ่าน มะเร็งตับ ความดันโลหิตสูง ขนาดหัวใจใหญ่ขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดแดงแข็งตัว และภัยคุกคามทางระบบหัวใจและหลอดเลือดอื่นๆอีกมากมาย นี่ยังไม่พูดรวมถึงเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดจากภาวะอารมณ์รุนแรงหลังการใช้สารสเตียรอยด์ ที่เรียกว่า รอยด์ เรจ (Roid Rage) นะคะ เคยมีกรณีที่นักกีฬาฆ่าคนในครอบครัวมาแล้ว นอกจากนี้ ในผู้ชายที่มีมะเร็งที่ต่อมลูกหมาก จะยิ่งเป็นการเพิ่มความเร็วของการเติบโตของเซลล์มะเร็ง สาร HGH สามารถขยายขนาดคางและหน้าผากได้ เพื่อนๆอาจต้องการหมวกที่ใหญ่ขึ้น เหมือนกับแบร์รี่ บอนส์ นักกีฬาเบสบอล ผู้มีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับสเตียรอยด์
ที่แย่ที่สุดในปัจจุบันนี้คือ การโกงด้วยสารช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกายในระดับมืออาชีพได้สืบทอดมรดกไปถึงนักกีฬาอายุน้อยแล้ว ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (The Centers for Disease Control and Prevention: CDC) ได้ประมาณไว้ว่า 3% – 6% ของนักกีฬาระดับมัธยมปลายของสหรัฐอเมริกาใช้สารสเตียรอยด์ นั่นหมายถึงเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงจำนวน 500,000 ถึง 1,000,000 คนเลยล่ะค่ะ
การเล่นเกมกับการใช้สารช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกายนั้น ไม่ควรเป็นมุมมองของผลการกระทำที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการแข่งขัน ไม่ควรเป็น “สิ่งจำเป็น” ในการกีฬา เพราะความแข็งแรงของคนหนึ่งคน ควรวัดได้ด้วยสรีระทางธรรมชาติ ความขยันขันแข็ง ความมีระเบียบวินัย ความทุ่มเทจากการฝึกซ้อม โดยไม่ต้องมีตัวช่วยดัดแปลงความเป็นธรรมชาติของคนคนนั้น นักกีฬาที่ชาญฉลาด จะรู้ว่าตนเองต้องฝึกฝนอย่างไรเพื่อที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้โดยไม่ต้องใช้ตัวช่วย มิเช่นนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรไปจากการก้าวไปบนทางหินกรวด เพื่อการคว้าถ้วยรางวัลของนักกีฬาที่ไม่มีอยู่จริง หรือการได้เงินจำนวนมหาศาลของกีฬามืออาชีพเพียงชั่วคราว และต้องจบอาชีพลงเมื่อโดนจับได้ พร้อมกับร่างกายที่ทรุดโทรมลงจากการกระทำที่ฝืนธรรมชาติ แล้วถ้วยรางวัลและเงินรางวัลเหล่านั้น จะมีประโยชน์อะไร และมากไปกว่านั้น มันควรจะเป็นสิ่งที่ถูกมองว่าเป็นการคดโกงอย่างไม่อาจอภัยให้ได้ ในเรื่องการขโมยชัยชนะจากผู้เล่นบริสุทธิ์โดยผู้เล่นที่ไม่มีศีลธรรมบางคน จากนักกีฬาที่ขาวสะอาดในสิทธิการแข่งขันใดการแข่งขันหนึ่งไม่ว่าจะเป็นระดับมือสมัครเล่นหรือมืออาชีพก็ตาม และนักกีฬารุ่นเยาว์ที่ใช้สารช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกายก็ควรถูกเปิดโปงพฤติกรรมเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อลดโอกาสที่จะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพย่ำแย่จากการใช้สารช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกายในอนาคตด้วยค่ะ
ขอให้เพื่อนๆนักวิ่ง มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงพร้อมวิ่ง ไม่ต้องใช้ตัวช่วยฝืนธรรมชาติกันนะคะ
Recent Comments