Explore the Knowledge for Runner
หลังจากวนเวียนทดลองใช้รองเท้ามาหลายยี่ห้อ ที่ว่าเบา ว่าเร็ว ที่ว่ารองรับดี แต่ก็ยังทำให้รองช้ำกำเริบอยู่เรื่อย จนสุดท้ายมาจบที่รองเท้าแบรนด์ที่หลายคนคุ้นเคยดีคือ ASICS ค่ะ
ลองรองเท้า ASICS เองก็หลายรุ่น เริ่มตั้งแต่ KAYANO, NIMBUS ขยับขึ้นมาเป็น QUANTUM 360 และสุดท้ายอยู่ที่ KINSEI ค่ะ
ที่เริ่มต้นใส่ KAYANO แล้วขยับรุ่นขึ้นมาเพราะว่าใช้แล้วยังตึงฝ่าเท้าอยู่เล็กน้อย ยังดีที่ไม่เจ็บเพิ่ม และหน้าเท้าค่อนข้างกว้าง ตอนนั้นยังไม่มีความรู้เรื่องรองเท้ามากนัก เรียกว่า เดินเข้าร้าน ใส่สบายแล้วก็สอยออกมาเลย ซึ่งมันแตกต่างจากตอนวิ่งจริงๆ ที่มีแรงกระแทก และเคลื่อนไหวซ้ำๆเป็นเวลานาน ถึงตอนนั้นเราจะรู้ดีค่ะว่ารองเท้านั้นเหมาะกับเราหรือไม่ค่ะ
หลังจากนั้นจึงเริ่มหารองเท้าแบบเจลอย่างมุ่งมั่น เลยได้ค้นพบว่ามีแต่ ASICS นี่ล่ะที่ใช้ระบบเจลอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ในขณะที่ยี่ห้ออื่นๆหันไปใช้ระบบโฟมซะเยอะ เพราะรองรับแรงกระแทกได้ดี และมีน้ำหนักเบา เราเองก็เคยไปลองใช้อยู่แบรนด์สองแบรนด์ แรกๆก็รู้สึกดี ใส่วิ่งสั้นได้ แต่พอวิ่งยาวเท่านั้นแหละ ได้เรื่องเลยค่ะ อาการรองช้ำกลับมาใหม่แบบต้องรีบเปลี่ยนแทบไม่ทัน ทุกวันนี้เก็บไว้ในตู้ หยิบมาใส่บางวัน เดินเท่านั้นก็ยังรู้สึกว่าแข็งไปค่ะ
สุดท้ายเลยเริ่มใช้รองเท้ารุ่น QUANTUM 360 ค่ะ ซื้อคู่แรกนี่ ราคาก็ต้องซู้ดปาก ปาดเหงื่อแล้วค่ะ ช่วงหลายปีก่อนนั้น รองเท้า ASICS รุ่นท๊อปๆ จะไม่ค่อยมีโปรลดราคาเท่าไหร่ค่ะ เราเองก็อยากได้มาใส่วิ่งแล้วด้วย เลยจำใจจ่ายเงินไป แต่เรียกได้ว่าความคุ้มค่าที่ได้มามันหาค่าไม่ได้ค่ะ ใครเคยเป็นรองช้ำมาก่อนจะรู้เลยว่า อาการเจ็บทุกก้าวที่ลงน้ำหนักเท้า และมากขึ้นเรื่อยๆจนต้องหยุดวิ่งนั้นเป็นอย่างไรค่ะ แต่พอใส่รองเท้ารุ่นนี้แล้ว ไม่มีอาการเลยล่ะค่ะ แต่ไม่ได้หมายความว่าอาการดีขึ้นจากรองเท้าอย่างเดียวนะคะ เราเองก็ต้องยืดกล้ามเนื้อ นวดฝ่าเท้า บริหารเพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อน่องและฝ่าเท้าอย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอด้วย จึงจะมีอาการดีขึ้นได้นะคะ แค่ได้รองเท้าที่เหมาะสมกับเท้าของเราก็ช่วยส่งเสริมให้หายได้มากแล้วค่ะ
เรื่องโค้งของเท้านั้น QUANTUM 360 สามารถรองรับคนโค้งเท้าสูงเล็กน้อยอย่างเราได้ แต่บางคนที่โค้งเท้าสูงมาก หรือแบนมาก อาจอึดอัด เพราะส่วนกลางรองเท้าจะค่อนข้างแคบค่ะ ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่มีโค้งเท้าปกติถึงสูงเล็กน้อยค่ะ
รองเท้ารุ่น QUANTUM 360 นั้น ชื่อรุ่นก็บอกอยู่แล้วนะคะว่า มีเจลทั้งรองเท้า 360 องศา หลายคนคงคิดนะคะว่า ระบบเจลมันหนักนะ แน่นอนค่ะ หนักกว่าอย่างเห็นได้ชัด ของผู้ชายก็ 337 กรัม ของผู้หญิง 280 กรัม จนบางสำนักรีวิวไว้ว่า ไม่เหมาะกับการใส่วิ่งทุกวัน อันนี้ค่อนข้างจะไม่เห็นด้วยนะคะ ถ้านักวิ่งอย่างเรา จำเป็นที่จะต้องใส่รองเท้าระบบเจล เพื่อสุขภาพเท้าของตัวเองจริงๆ การใส่มันฝึกซ้อมทุกวัน ให้ร่างกายได้ปรับตัวกับน้ำหนักของรองเท้าไปเรื่อยๆจนชินแล้ว มันก็ไม่เรียกว่าหนักแล้วล่ะค่ะ เว้นแต่อยากจะวิ่งเร็วแบบเน้นการแข่งขันจริงๆ ก็คงจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้วล่ะค่ะ อีกอย่าง มันขึ้นอยู่กับลักษณะการวิ่งของเราด้วยนะคะ ถ้าแค่เอาไว้ใส่วิ่งธรรมดา ไม่ได้แข่งขัน ไม่ได้วิ่งเร็ว วิ่งเทมโป วิ่งฟาร์ทเลค หรืออินเทอร์วอล ซึ่งเป็นกลุ่มการซ้อมวิ่งเร่ง ต้องการใส่วิ่งชิวๆ และไกลๆ เพื่อสุขภาพ ระบบเจลไม่เจลก็ใช้ได้หมดล่ะค่ะ จริงๆเราเองก็ใส่วิ่งซ้อมทั้งหมดที่พูดมานะคะ ก็ไม่เห็นจะเป็นไร วิ่งเร็วขึ้นได้เหมือนกันค่ะ เค้าถึงได้บอกว่า หลักๆไม่ได้อยู่ที่สมรรถนะของรถนะคะ แต่อยู่ที่คนขับรถมากกว่าว่าพร้อมใช้รถที่เหมาะกับตัวเองไหม ยังไงก็ยังยืนยันค่ะว่ารองเท้าเจลสามารถใส่วิ่งไกลได้อย่างสบายๆค่ะ
นอกจากนี้ หากไปดูส่วนประกอบของรองเท้ารุ่นนี้จริงๆ มีคนจับผ่ารองเท้าดูเจลจริงๆกลับพบว่า มีเจลแค่รอบๆรองเท้าเท่านั้น ส่วนที่รับน้ำหนักจริงๆคือแผ่นโฟมเทคโนโลยีเฉพาะของทาง ASICS เรียกว่า Trusstic System และระบบรองรับน้ำหนัก Solyte midsole ที่บริเวณกลางรองเท้าสามารถช่วยรองรับแรง กระจายแรงและส่งแรงเด้งกลับได้ดีที่ส้นเท้าค่ะ ที่ปลายเท้าเจลจะน้อยลงหน่อย ดังนั้นที่คิดว่าจะมีเจลตลอดทั้งฝ่าเท้าก็ยังไม่ถูกนักค่ะ แต่เป็นแผ่นโฟมที่รองรับตั้งแต่ส้นเท้ายาวถึงปลายเท้าผสมกับเจลต่างหากค่ะ บางสำนักรีวิวถึงขั้นผิดหวังกับปริมาณเจลที่มีเพียงแค่ 15% ของทั้งพื้นรองเท้า แต่สำหรับเรา หากออกแบบโฟมและเจลได้เป็นระบบที่พอเหมาะพอเจาะ ผลของการใช้งานจะเป็นตัวบอกเองค่ะว่ารองเท้าสามารถทำหน้าที่ได้ดีแล้วหรือไม่ค่ะ
พื้นด้านบนรองเท้าเป็นตาข่ายที่ไม่มีรอยตะเข็บเพื่อความสบายในการสวมใส่ เพราะมีความยืดหยุ่นดี ทำให้ขยับนิ้วเท้าได้สะดวกแม้อยู่ในรองเท้า แถมยังระบายเหงื่อ และความชื้นได้ดีเยี่ยม แต่ไม่ใช่ทิ้งทั้งเท้าลงไปในแอ่งน้ำนะคะ แม้ใช้ไปนานๆอาจยืดออกบ้าง บางคนก็ขาดกันเลย แค่ต้องระวังไม่ไปเกี่ยวถูกอะไรรุนแรงค่ะ ส่วนผ้าด้านในรองเท้าถือว่าไม่เสียดสีกับเท้านะคะ ทำให้รอดพ้นจากตุ่มน้ำได้ดีค่ะ
พื้นรองเท้ามีความทนทานเพียงพอสำหรับการวิ่งระยะไกล และเหมาะกับพื้นผิวหลายรูปแบบ ชอบอีกอย่างคือมันไม่ลื่น มีความยืดหยุ่น มีความรู้สึกถึงสปริงนิดๆเวลาลงน้ำหนักและดันปลายเท้าส่งตัวไปข้างหน้า ทำให้เหมือนมีแรงส่งนิดๆค่ะ ส้นรองเท้ารับน้ำหนักและเปลี่ยนถ่ายน้ำหนักไปที่กลางรองเท้าได้อย่างราบรื่นและเร็วค่ะ
อย่างเราเองเลือกใส่ของผู้ชาย เพราะหัวกว้างกว่าค่ะ เป็นคนไม่ชอบรองเท้าหัวแคบ เพราะใส่ทีไรได้ตุ่มน้ำแถมมาทุกที ส่วนความกว้างหน้าเท้าของผู้ชายคือ D ของผู้หญิงคือ B ซึ่งถือว่าเป็นความกว้างหน้าเท้าปกตินะคะ
รองเท้ารุ่นนี้เป็บแบบส้นเท้าสูงกว่าปลายเท้านะคะ เรียกว่าเทลงเล็กน้อย ทั้งของผู้ชายผู้หญิงเทลง 10 มิลลิเมตรเท่าๆกัน ซึ่งเหมาะกับคนที่เป็นรองช้ำ เอ็นร้อยหวายอักเสบ หรือกล้ามเนื้อน่องอักเสบมากๆค่ะด้านหลังรองเท้าเป็นระบบ Heel Clutching ซึ่งเป็นรูปทรงแข็งรองรับส้นเท้า ทำให้การวางเท้าบนพื้นผิวขรุขระแน่นดี ไม่บิดไปมาง่าย แผ่นรองรองเท้าข้างในก็เรียกว่าหนานุ่ม ช่วยรองรับแรงกระแทกได้ดีอีกชั้นหนึ่งส่วนความสูงรองเท้าของผู้ชายที่ส้นเท้าคือ 22 มิลลิเมตร และของผู้หญิงคือ 21 มิลลิเมตร และที่ปลายเท้าก็เช่นกันค่ะ ของผู้ชายสูง 12 มิลลิเมตร และผู้หญิงสูง 11 มิลลิเมตร ทำให้ใส่แล้วเหมือนสูงขึ้นนิดหนึ่งค่ะ แต่คงไม่น่าเกี่ยวกับสมรรถนะการวิ่งมากนักค่ะ
นอกจากเรื่องทางเทคนิคแล้ว สุดท้ายก็ชอบรูปทรงของรองเท้า โดยเฉพาะพื้นรองเท้าที่หยักๆ ดูเพรียวแต่ก็แข็งแรงดี แถมสีแต่ละสีก็เป็นเอกลักษณ์ทั้งแบบผู้ชายและผู้หญิงค่ะ เหตุผลนี้ก็มีส่วนต่อการเลือกซื้อหามาใช้อยู่เหมือนกันค่ะ
ที่พูดมาทั้งหมดก็แค่ความเห็นส่วนตัวกับรองเท้ารุ่นนี้นะคะ ไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆกับบริษัทผู้ผลิตทั้งสิ้นค่ะ เราเองใช้มา 2 ปีแล้ว ไม่เคยผิดหวังค่ะ ความจริงแล้ว คำถามที่โดนถามมาก แต่ไม่มีคำตอบนั่นก็คือ “ใช้รองเท้ารุ่นไหนดี” เพราะว่าเท้าแต่ละคน สรีระร่างกายแต่ละคน ความสามารถในการวิ่งแต่ละคน ท่าการวิ่งแต่ละคน แตกต่างกันมากนะคะ จึงทำให้ผลจากการใส่รองเท้าวิ่งแต่ละคนแตกต่างกันค่ะดังนั้นให้ดูคุณสมบัติของรองเท้าแต่ละรุ่นเป็นพื้นฐานก่อน ว่าถูกออกแบบมาเข้ากับลักษณะของเราหรือไม่ ซื้อมาลองใส่ดูก่อน เป็นอันดับสอง หากไม่ดีคือไม่ดี ไม่ต้องทน ไม่ต้องเสียดาย เดี๋ยวนี้มีแหล่งปล่อยรองเท้าให้กับนักวิ่งท่านอื่นเยอะแยะค่ะ
ขอให้เพื่อนนักวิ่งมีความสุขกับรองเท้าคู่ใจของตัวเองกันนะคะ
Recent Comments