ไม่สำคัญว่าอะไรทำให้เราล้มลง แต่สิ่งสำคัญคือเราจะยังคงลุกขึ้นสู้ใหม่หรือไม่

หลังจากมีความจำเป็นต้องห่างหายจากการวิ่งไป 2 สัปดาห์เนื่องจากอาหารเป็นพิษอย่างรุนแรง ชนิดต้องนอนโรงพยาบาลไป 1 คืน การวิ่งเข้าห้องน้ำถ่ายเหลวเป็นสิบกว่าครั้งภายใน 1 คืน และเป็นซ้ำอีก 1 คืน รวมเป็น 2 คืน พร้อมกับเป็นไข้ ปวดเมื่อยเนื้อตัว แม้จะพยายามอัดเกลือแร่ และน้ำให้เพียงพอกับของเหลวที่เสียไป แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่เพียงพอ อาการแสดงออกถึงความเมื่อยล้า เหนื่อยชนิดขึ้นบันได 3 ชั้น ก็แทบจะลมจับ จากที่เคยวิ่งขึ้นชั้น 4 ได้สบายๆ เล่นเอาหมดกำลังใจกันเลยทีเดียวค่ะ ทานข้าวต้มได้อย่างเดียวตลอด 7 วันแรก เรื่องว่าจะออกไปซ้อมวิ่งนี่ไม่มีอยู่ในหัวเลย แถมหลังจากอาการอาหารเป็นพิษดีขึ้น โรคกระเพาะก็ตามมาอีก จุกจนทานอะไรไม่ได้ไปอีกหลายวัน กว่าร่างกายจะฟื้นตัว กลับมามีเรี่ยวแรงอีกครั้ง ก็ผ่านไปแล้วเกือบ 2 สัปดาห์

ระหว่าง 2 สัปดาห์นั้น คือการอยู่ในโปรแกรมซ้อมวิ่งมาราธอนช่วงระยะทางมากที่สุด คือ 35 กิโลเมตร เป็นอันต้องข้ามไป จะมาวิ่งตอนหลังก็ไม่ทันแล้ว เพราะช่วง 2 สัปดาห์ก่อนวิ่งมาราธอนคือระยะ Temper ซึ่งก็คือการผ่อนการซ้อมลง จะไปซ่าวิ่งยาวก็คงจะใช่ที่ เลยจำใจวิ่งรักษาสภาพร่างกายไป รอให้ไปลุยในวันจริงทีเดียว

วันนี้ (5 พ.ย. 60) จึงเป็นอีกวันที่มาลงงานวิ่งให้ได้ระยะซ้อมแบบคงสภาพร่างกายไว้ เลยมาร่วมงานวิ่งสหเวช ครั้งที่ 1 ซึ่งจัดโดยคณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจัดที่อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ยังสร้างไม่เสร็จดี แต่เราสนใจจะมาวิ่งที่นี่ตั้งแต่รู้ข่าวว่าสร้างแล้วค่ะ วันนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะได้มาเห็นค่ะ แต่งานนี้ปล่อยตัวมินิตอน 5.30 น. ก็ยังแอบสงสัยว่าจะได้เห็นอะไรหรือไม่ แต่ก็ไม่ผิดหวังค่ะ เพราะเส้นทางวิ่งที่จัดให้วิ่งนั้น เป็นเส้นที่วิ่งเลียบถนนบรรทัดทอง ออกพญาไท ข้ามสะพานลอย เข้าจุฬาฝั่งวิศวะ แล้ววนออกมาขึ้นสะพานลอยกลับเข้ามาด้านสนามกีฬาแห่งชาติ และไปจบที่อุทยาน ซึ่งเมื่อวิ่งถึงเวลานั้นแล้ว อดไม่ได้ที่จะหยุดถ่ายรูปตรงจุดสูงสุดค่ะ เพราะฟ้าสว่างพอดี แสงกำลังสวย และสวนก็จัดได้สวยจริงๆค่ะ เขียวขจีไปหมดทั่วบริเวณ เสียอย่างเดียวคือทางวิ่งค่อนข้างแคบค่ะ คาดว่าเปิดใหม่ๆ คงมีทั้งคนเดิน และคนวิ่งมากจนอาจจะแออัดได้ค่ะ

ทางวิ่งในอุทยานเป็นทางลาดขึ้นเป็นรูปตัวยู ไปบรรจบกันที่ยอดบนสุดของโค้งตัวยูค่ะ เลยทำให้เห็นวิวทั้งสวนเมื่อขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดแล้วค่ะ ใครอยากจะมาฝึกวิ่งขึ้นเนินลงเนินแบบไม่ลาดชันมาก ที่นี่ก็ถือว่าเหมาะค่ะ

งานวันนี้ถือว่าเรียบง่ายค่ะ คนไม่เยอะ ทางวิ่งกำลังดี อาจวกวนไปบ้าง แต่ก็ตั้งป้ายบอกทางชัดเจน มีเจ้าหน้าที่ยืนบอกทางตรงมุมที่น่าจะเกิดการเข้าใจผิดได้เป็นระยะๆ น้ำเย็นให้บริการครบไม่ขาดค่ะ อาหารมีให้เลือกหลากหลาย และให้เลือกของคาวได้ 2 อย่าง ของหวาน 1 อย่างค่ะ เสียแต่ตรงบริเวณแจกอาหารคับแคบไปค่ะ ทำให้ตั้งแถวต่อคิวลำบาก และอีกอย่างคือปล่อยตัวเร็วไป 5 นาทีค่ะ น้องที่มาร่วมงานบอกว่า ยังยืดกล้ามเนื้อไม่เสร็จเลย เรื่องการตรงต่อเวลาในงานวิ่งนี่ ถือว่าสำคัญนะคะ บางคนเตรียมวอร์มร่างกายมาให้พอดีกับช่วงเวลาปล่อยตัว ปล่อยช้าไป เครื่องหายร้อน ปล่อยเร็วไป เครื่องยังไม่ทันร้อน ยังไงก็อยากจะฝากผู้จัดงานให้ความสำคัญในเรื่องนี้สักหน่อยนะคะ

เช้านี้อากาศเย็นสบาย และมีฝนโปรยบางเบาแบบมาๆหยุดๆค่ะ ทำให้วิ่งสบายมาก เราบอกตัวเองว่าวิ่งแบบเรื่อยๆค่ะ ไม่เร่งมาก ไม่ดูความเร็ว ไม่สนเวลาค่ะ เพราะกลัวร่างกายยังไม่กลับมาฟิตเหมือนเดิม แต่คงเพราะหยุดพักขาไป 2 สัปดาห์ เลยทำให้กลัามขาสดชื่นจบการวิ่ง 10.45 กิโลเมตร ไปด้วยเวลา 1.00.39 ชั่วโมงค่ะ ได้ความเร็วที่ 5.48 นาทีต่อกิโลเมตรค่ะ ยังไม่เหนื่อย ไม่ล้ามาก กำลังดีค่ะผ่านพ้นวันนี้ไปด้วยสถิติที่น่าพึงพอใจค่ะ อาการเจ็บป่วยที่ผ่านมา ยังไงมันก็จะผ่านไปนะคะ อย่าเพิ่งท้อถอยไปเสียก่อน ไม่สำคัญว่าอะไรทำให้เราล้มลง แต่สิ่งสำคัญคือเราจะยังคงลุกขึ้นสู้ใหม่หรือไม่ค่ะ

ขอให้เพื่อนนักวิ่งมีวันลุกขึ้นสู้ใหม่กันได้ทุกคนนะคะ

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

%d bloggers like this: