Explore the Knowledge for Runner
วันนี้มีนัดกับงานเดิน-วิ่งการกุศล 140 ปี คริสตจักรที่สอง สามย่าน ที่สวนลุมพินี จัดโดยคริสตจักรที่สอง สามย่าน ตามชื่องานเลยค่ะ เป็นงานเล็กๆที่เพิ่งประกาศทีหลังงานอื่น จริงๆแล้วในวันนี้มีงานวิ่งเป็นสิบงานเลย และเราก็ลงสมัครงานอื่นไว้ แต่พอเห็นงานนี้เลยขายบิบงานก่อนหน้ามาสมัครงานนี้แทนเพราะอยู่ใกล้บ้านมากกว่า ไม่เสียค่ารถและเวลาที่ต้องเดินทางไปไกลค่ะ
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ว่ามีการแข่งขันหรือไม่ ก็ได้ทราบว่ามีรางวัล Overall ให้กับ 5 อันดับแรกแยกชายหญิง เลยมานั่งดูตัวเองว่ามีความพร้อมหรือไม่ที่จะแข่งขันเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วใส่เต็มไปกับงานแข่งขันและได้รางวัลมาแล้ว จึงถามตัวเองว่าไหวหรือไม่หากจะลงเป็นการแข่งขันอีกครั้งหนึ่ง หรือแค่ไปวิ่ง Long run เพื่ออยู่ในโปรแกรมซ้อมอย่างที่ผ่านมา แต่เมื่อพิจารณาร่างกายแล้วว่าพอไหว รวมกับเหตุผลอื่นอีกคือ เป็นงานเล็กๆ ประกาศทีหลัง มีงานอื่นที่นักวิ่งชอบไปจัดอยู่ในกรุงเทพในวันเดียวกัน และงานอื่นๆอีกมากมายที่น่าจะกระจายนักวิ่งออกไป โอกาสที่จะเจอสายแข็งในงานก็อาจจะมีอยู่บ้าง แต่เนื่องจากแจกถึง 5 อันดับ เลยคิดว่าน่าจะยังมีโอกาสที่จะติดรางวัล จึงติดสินใจให้งานวิ่งงานนี้เป็นการแข่งขัน เมื่อตัดสินใจแล้ว ก็มาดูตารางซ้อมตัวเองที่เพิ่งเริ่มเข้าโปรแกรมซ้อมเพื่อไปวิ่งฮาล์ฟที่เขาใหญ่เมื่อเดือนมีนาคมว่าพอจะทำอะไรได้บ้าง จึงได้เห็นว่ามีวิ่งอินเทอร์วอล 3 วันก่อนหน้าวันแข่งขัน จึงจำต้องตัดทิ้งไป และหยุดการซ้อม 2 วันก่อนหน้าการแข่งขัน พร้อมกับยืดกล้ามเนื้อรอวันแข่งค่ะ
และแล้วก็ถึงวันแข่งจนได้ รีบนอนวันก่อนหน้า ก็ยังได้แค่ 6 ชั่วโมง ตื่นมาตอนตีสี่ก็ท้องเสีย แต่ดีว่าไม่เป็นอะไรมาก ยังพอไหวอยู่ ทานขนมปัง กาแฟ และน้ำเปล่า พร้อมแล้วจึงออกเดินทางไปที่บริเวณงาน เหลืออีกครึ่งชั่วโมงก่อนถึงเวลาปล่อยตัว เราก็เลยได้วอร์มเต็มที่ ตอนไปยืนรอปล่อยตัวก็เหงื่อออกได้ที่แล้วค่ะ วันนี้อากาศค่อนข้างอบอ้าว ทำให้เหงื่อออกมากพอควร เราวางแผนการวิ่งว่า จะเร่งเร็วโซน 4 สัก 1 กิโลเมตร หลังจากนั้นจะผ่อนเข้าโซน 3 และคงโซน 3 ไว้ตลอด และเร่งขึ้นโซน 4 เมื่อใกล้เส้นชัย หากเหนื่อยให้ผ่อนลงโซน 2 ได้ และถ้าแรงเหลือจะเร่งช่วง 500 เมตรสุดท้าย หยุดดื่มน้ำ 3 ครั้ง เป็นอันจบแผนค่ะ
ตอนรอปล่อยตัว ก็เริ่มมองรอบตัว ว่ามีใครที่ดูจะเป็นนักวิ่งขาแรงบ้างหรือเปล่า ใจก็คิดว่าจะต้องทำดีที่สุด อย่างน้อยก็ให้ได้ตามแผน แล้วสายตาเราก็มองเห็นน้องคนหนึ่งดูท่าทางหน่วยก้านดี น่าจะวิ่งเร็ว ยืนอยู่หน้าสุดที่จุดปล่อยตัว นอกนั้นก็ดูจะไม่มีใครที่โดดเด่น เลยกลับมาตั้งสมาธิ ทบทวนแผน และรอเวลาปล่อยตัวค่ะ
เมื่อได้รับสัญญาณปล่อยตัว เราก็เต็มที่เข้าโซน 4 ค่ะ โดยใช้ความรู้สึกตัวเองเป็นหลัก ไม่ได้ดูนาฬิกาใดๆทั้งสิ้น และก็เป็นไปตามคาด น้องผู้หญิงคนนั้นก็วิ่งนำไปแบบไม่เห็นฝุ่น นอกจากนั้นก็ไม่เห็นผู้หญิงนำเราแล้ว เราเลยตั้งอกตั้งใจวิ่งไป พอเข้ากิโลเมตรที่ 2 ก็ผ่อนลง แต่วันนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไร รู้สึกเหนื่อยกว่าที่คิดไว้ ไม่รู้เพราะอากาศอบอ้าวไปหรือเปล่า กะว่าจะผ่อนดีไหม ฝืนตัวเองไปหรือเปล่า แต่พอวิ่งกลับมาที่จุดปล่อยตัวรอบแรก ก็ได้ยินเสียงพิธีกรบอกว่า ผู้หญิงคนที่ 2 วิ่งเข้ามาแล้ว นี่ถือเป็นตัวเต็ง เราเลยค่อนข้างมั่นใจว่ายังอยู่ในอันดับรับรางวัล จึงกัดฟันไปต่อ พยายามทำตามแผนให้ได้ เข้าโซน 3 ให้ได้ มีรอบสุดท้ายที่เริ่มหอบเหนื่อยมาก จึงยอมผ่อนลงมาอีก เมื่อวิ่งถึงจุด Checkpoint รอบสุดท้าย ได้รับหนังยางสีสุดท้าย คือสีแดง นับจากรอบแรกคือ ส้ม แล้วก็ม่วง แล้วก็เหลือง และถึงเป็นแดง พอครบแล้ว เราก็สับขาเข้าเส้นชัย ได้รับการประกาศว่าได้ที่สองของผู้หญิง Overall พอได้รับการคล้องคอด้วยป้ายบอกลำดับเลข 2 แล้วก็เป็นอันว่าจบสิ้นภารกิจ เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้ว่าแค่ให้ติดอันดับเป็นพอ ไปรายงานตัวลงชื่อ ก็เห็นเวลาของน้องคนที่ได้ที่ 1 คือ 53 นาที ไม่แปลกใจเลยที่ไม่เห็นหลังแชมป์ เข้าไปแสดงความยินดีกับน้องคนเก่ง หลังจากนั้นเราก็ไปยืดกล้ามเนื้อรอเวลาเรียกรับรางวัล
หลังจากรับรางวัลเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลามาดูผลว่า ผลการวิ่งเป็นอย่างไร ผลจากนาฬิกาของเราพบว่า วิ่งได้ระยะ 10.10 กิโลเมตร ด้วยเวลา 58:00 นาที ซึ่งเวลาเข้าเส้นชัยอย่างเป็นทางการคือ 57:19 นาที ได้ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 5:44 นาทีต่อกิโลเมตร
มาพิจารณาดูความเร็วตลอดการวิ่ง ก็เป็นไปอย่างที่คิดไว้ คือเร่งช่วงแรก และคงความเร็วเอาไว้ อาจดูมีผ่อนช่วงปลาย ก็ยังล้อไปกับความรู้สึก แล้วมาวิ่งเร่งตอนท้ายอีกนิด ก็ยังไม่ค่อยได้เร็วเท่าไร ชีพจรเฉลี่ยอยู่ที่ 139 ครั้ง/นาที ซึ่งอยู่โซน 2 อันนี้ค่อนข้างขัดกับความรู้สึก เพราะส่วนใหญ่เวลาวิ่ง ความเหนื่อยอยู่ที่โซน 3 และชีพจรสูงสุดไปที่ 162 ครั้ง/นาที ซึ่งเป็นโซน 4 อันนี้ไม่แปลกใจ วันนี้เราคงยังไม่ตื่นดีตอนวิ่ง และความรู้สึกเหนื่อยที่รู้สึกว่ามากกว่าปกติคงมาจากการนอนที่ไม่เต็มอิ่มนั่นเอง และสัปดาห์ที่ผ่านมางานค่อนข้างเยอะ จึงนอนสะสมไม่ค่อยพอค่ะ
อุณหภูมิวันนี้อยู่ที่ 29 ถึง 32 องศาเซลเซียส เรียกว่าร้อนสำหรับเราแล้วค่ะ ความชื้นอยู่ที่ 88% ก็เรียกได้ว่าทำให้เรารู้สึกอ้าวอย่างที่เป็นอยู่ได้ เมื่อดูจำนวนก้าวต่อนาที ก็ยังอยู่ในช่วงที่รับได้คือ 167 – 183 ก้าวต่อนาที ส่วนค่าความชันก็คงล้อไปกับการวิ่งขึ้นลงสะพาน ดูค่าสมรรถภาพก็ยังอยู่ในเกณฑ์ดี การวิ่งวันนี้ใช้ระบบการเผาผลาญแบบใช้ออกซิเจนเป็นหลัก ก็เป็นไปตามที่ต้องการค่ะ
เหรียญรางวัลเป็นแบบเรียบง่าย โทนสีแบบที่ชอบเลยค่ะ
จบงานวิ่งวันนี้ทำให้ได้รู้ว่าถ้าเราตั้งใจที่จะมาแข่งขัน ก็ต้องเตรียมตัวมาแข่งขัน วางแผนการดูแลร่างกายตัวเอง แล้วจึงวางแผนการแข่งขัน โดยอยู่บนพื้นฐานความสามารถของสมรรถภาพร่างกายตัวเอง ในวันแข่งขันต้องเตรียมพร้อมร่างกาย เตรียมพร้อมจิตใจ มุ่งมั่นที่จะคว้าชัยชนะที่เราคาดหวังเอาไว้ แล้วจึงลงมือทำให้ดีที่สุด ไม่ถอดใจไปเสียก่อน หากเราทำดีที่สุดแล้ว ผลจะเป็นอย่างไรก็คงต้องยอมรับมัน แต่เราคงจะยอมรับตัวเองไม่ได้ ถ้าเราทำไม่สำเร็จ ด้วยเหตุผลที่ว่าเรายังไม่ได้ทำให้ดีที่สุด ถ้าเราไม่มองตัวเองว่าเป็นผู้ชนะก่อนแล้ว เราคงไม่ได้ลงมือทำเพื่อให้ตัวเองชนะให้ได้ ถ้าเราคิดก่อนว่าเราชนะ แม้จะไม่ชนะคนอื่น แต่ก็ชนะใจตัวเองค่ะ
ขอให้เพื่อนนักวิ่งมองว่าตัวเองเป็นผู้ชนะกันทุกคนนะคะ
Recent Comments