Explore the Knowledge for Runner
คำพูดที่จั่วหัวข้อนี้มาจากพี่เอียด ส.อ.สุพิศ จันทรัตน์ นักวิ่งขาเก๋าและขาแรงในวงการวิ่งที่นักวิ่งหลายท่านรู้จักกันดี แถมเป็นนักวิ่งบอดี้การ์ดให้กับพี่ตูน บอดี้สแลม ในงานวิ่งก้าวคนละก้าวซะด้วย พี่เอียดเป็นนักวิ่งที่เริ่มวิ่งตั้งแต่เด็กๆ เป็นนักวิ่งของโรงเรียน และสามารถพูดได้เต็มปากว่าพี่เอียดวิ่งเพื่อปากท้องโดยแท้ พีเอียดวิ่งเก่งถึงขนาดได้รับทุนเรียนฟรีตั้งแต่โรงเรียนยันมหาวิทยาลัย แต่ละงานที่ลงวิ่ง หวังรางวัลที่เป็นจำนวนเงินมากกว่าถ้วย เพราะหมายถึงเงินค่าข้าวที่พี่เอียดจะสามารถเลี้ยงปากท้องตัวเองให้รอดไปได้อีกหลายมื้อ แทนที่จะต้องรบกวนเงินทองจากทางบ้าน พี่เอียดมีความขยันในการฝึกซ้อมมาก นอกจากใจรักแล้ว ยังมีเหตุผลดังที่กล่าวมาสนับสนุน จนทำให้พี่เอียดกลายเป็นนักวิ่งแนวหน้า ไปสนามไหนก็กวาดรางวัลมาได้หมด พี่เอียดเคยทำชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมามากมาย พี่เอียดเคยคว้ารางวัลชนะเลิศรองอันดับ 1 ประเภททีมชาติ ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาครองด้วยสถิติ 02:40:13 ในการแข่งขันวิ่งมาราธอน “เดอะ เกรทเทส เรส ออน เอิร์ธ” ณ สนามที่ 3 เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย
พี่เอียดมีคติประจำใจ นั่นคือ “ไม่ถึงต้องเขย่ง ไม่เก่งต้องขยัน” นั่นหมายความว่า พี่เอียดไม่ใช่คนที่นั่งรอรับผลประโยชน์จากพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่พี่เอียดยังมีความขยันคู่กับความมุ่งมั่นที่จะลงมือฝึกซ้อมเพื่อให้ได้ผลสัมฤทธิ์สูงสุด ซึ่งถ้วยรางวัลจากการแข่งขันหลายๆงานได้เป็นบทพิสูจน์ความเป็นตัวตนของพี่เอียดไปแล้วโดยปริยาย ที่นำพี่เอียดมาขึ้นต้นเรื่อง มันก็ไม่ได้เกี่ยวโดยตรงกับเรา แค่อยากจะเปรียบเทียบกับตัวเราเองว่า การที่เรามาวิ่งทุกวันนี้ แม้พรสวรรค์ก็ไม่ได้มี ความมุ่งมั่นก็เทียบไม่ได้ ใช้ความสุข ใช้ความรักที่มีต่อการวิ่งเป็นเกณฑ์อย่างเดียว ก็ทำให้เราสามารถผ่านพ้นการวิ่งในแต่ละวันไปได้เป็นอย่างดี
เราเองเป็นคนไม่ชอบแข่งขันโดยธรรมชาติ ใครเก่ง ใครดี ใครไปได้ไกล ก็สนับสนุนและร่วมยินดีด้วย พอต้องมาอยู่ในงานวิ่ง ที่แม้จะเล็กขนาดไหนก็ยังหนีไม่พ้นบรรยากาศของการแข่งขัน ยิ่งมีถ้วยรางวัล ยิ่งมีเงินรางวัลเป็นเดิมพันด้วยแล้ว หนีไม่พ้นจริงๆ อย่างวันนี้ที่ไปร่วมงานวิ่ง TPA Charity Run for the Blind 2018 ระยะ 10.5 กิโลเมตร แม้มีรางวัล 3 ลำดับ สำหรับระยะมินิ และฟันรันแยกชายหญิง ก็หนีไม่พ้นอาการคันเท้าหลังได้ยินเสียงแตรปล่อยตัว แรกๆที่กะว่าจะมาวิ่งประคองตัวที่ขอบบนของโซน 3 ซ้อมความเร็วเพื่อมาราธอน กลายเป็นวิ่งเทมโปเกาะขอบโซน 4 ล่างไปซะงั้น ผ่านไปครึ่งทาง มองนาฬิกากลายเป็นว่าเข้าโซน 5 ไปแล้วอย่างไม่รู้ตัว เลยต้องผ่อนๆลง นี่ขนาดว่าจะไม่แข่งๆ ก็กลายเป็นแข่งกับตัวเองซะงั้น ใจเลยคิดว่า ไหนๆก็มาครึ่งทางแล้ว เกาะโซน 4 ต่อไปก็ได้แหละ ถ้าไหวก็เอา เห็นขาแรงวิ่งนำหน้าไปตั้งแต่แรก มองไม่เห็นฝุ่น งานนี้จึงกลายเป็นการแข่งกับตัวเองล้วนๆ อยากรู้เหมือนกันว่าความเร็วโซน 4 เราจะอยู่ที่เท่าไร
เราเคยได้ที่ 3 จากงานผู้จัดทีมนี้เมื่อ 2 ปีก่อน แต่วันนี้ไม่ได้รางวัลใดๆ จริงๆแล้วมันขึ้นอยู่กับการวางแผนมากกว่า ขึ้นอยู่กับการเตรียมซ้อมร่างกายมาจนพร้อมเพื่อการแข่งขัน ถ้าวันนี้เราตั้งใจมาแข่งขัน มันก็จะเป็นการแข่งขัน ความมุ่งมั่นจะแตกต่างกันกับวันที่เราคิดว่าไม่เป็นการแข่งขัน และมาวิ่งเอาความสุขอย่างเดียว
มาดูสถิติวันนี้กันสักหน่อย คงจะไม่เบื่อเกินไป วิ่ง 10.5 กิโลเมตรไปด้วยเวลา 58:50 นาที ศิริรวมความเร็วเฉลี่ยคือ 5:41 นาทีต่อกิโลเมตร ยังอยู่ในความเร็วระยะซ้อมที่ต้องการในวันนี้ หยุดดื่มน้ำเป็นพักๆ นี่ล่ะหนา พอจะอนุโลมได้ว่าความเร็วโซน 4 จองเรา แต่ก็ยังไม่เต็มปากเต็มคำนัก เพราะมีผ่อนในช่วงท้ายๆ
ส่วนหัวจิตหัวใจก็ปาไปโซน 4 ปีนป่ายโซน 5 เล็กน้อย แอบสนุกตอนเข้าโซน 5 แม้จะเหนื่อย แต่สะใจ ระยะหลังไม่ได้วิ่งถึงโซนนี้สักเท่าไรถ้าไม่ได้ซ้อมแบบอินเทอร์วอล ตอนเข้าโซน 5 ในเวลาที่ร่างกายอุ่นมาแล้วกำลังดี และยังไม่ล้า นี่มันมีความสุขสุดๆค่ะ
ผลต่อร่างกายที่ได้จากการวิ่งวันนี้เป็นไปตามชีพจรคือได้ทั้งการเผาผลาญแบบใช้และไม่ใช้ออกซิเจน โดยที่ไม่ใช้ออกซิเจนจะมากกว่า ด้วยอุณหภูมิพอรับได้ 28 – 30 องศา จำนวนก้าวต่อนาทีเฉลี่ยเท่ากับ 172 ซึ่งก็เป็นไปตามความเร็วที่มากนั่นเอง
งานวันนี้เล็กๆสบายๆ วิ่งทำบุญให้คนตาบอดเหรียญน่ารักดี ไอติมที่งานอร่อยมาก น้ำวิตามินไม่ผ่านนะคะ เหมือนทานยาอยู่เลย จิบไป 2 คำ ต้องยอมทิ้ง ส่วนเรื่องการแข่งขัน จุด check point ชัดเจนดี เสียอย่างเดียว มีจุดให้น้ำแค่จุดเดียว วิ่งรอบ 3-4 นี่ คอแห้งระหว่างทางค่ะ เสื้อวิ่งสีสันสดใส เห็นชัดเจนแต่ไกล เราไม่ได้ใส่ เพราะปล่อยขายไปก่อนแล้ว
สรุปแล้ว ความมุ่งมั่นของพี่เอียดในการวิ่งเพื่อเลี้ยงชีวิต กับความมุ่งมั่นของเราในการวิ่งเพื่อเลี้ยงร่างกายให้แข็งแรง ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม จะเป้าหมายใดในการวิ่ง ความสุขที่เรากับพี่เอียดได้คงไม่ต่างกัน ถ้าไม่เก่ง ก็ขยันซ้อมให้เก่ง อันนี้ดีเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ และได้สมรรถภาพร่างกายที่ดีขึ้น ส่วนจะวิ่งให้ถึงถ้วยรางวัล คงต้องแล้วแต่คนนะคะว่า อยากจะเขย่งกันมากน้อยขนาดไหน อยากวิ่งให้ถึง ก็ต้องเขย่งค่ะ
ขอให้เพื่อนนักวิ่งมีความสุขกับความมุ่งมั่นต่อการวิ่งของตัวเองกันนะคะ
อยากรู้จักพี่เอียดเพิ่มเติม ตามลิงค์ไปเลยค่ะ
https://www.dailynews.co.th/regional/618373
Page: Joylyrunning
Website: Joylyrunning.com
Recent Comments