ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดจากการวิ่ง คือมิตรภาพที่เก็บเกี่ยวได้จริงจากเพื่อนร่วมทาง

กว่าจะได้มีเวลามารีวิวประสบการณ์ Pacer ครั้งแรก ก็เมื่อกำลังจะต้องไปเป็น Pacer งานต่อไป งาน Pacer ครั้งแรกเรียกได้ว่าเป็นที่น่าประทับใจยิ่งนัก เป็นอย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ
แม้จะได้ลงสมัครวิ่งมินิมาราธอนช่วงบ่ายในงานงานหนึ่งไว้แล้ว สมัครไว้นานจนเกือบลืมไปแล้ว เพราะอยากได้เสื้อกับเหรียญ แต่เมื่อพี่พงษ์ เจ้าของเพจ Papa colorful ไลน์มาชวนไปเป็น Pacer ซึ่งเป็นหนึ่งในความฝันที่นักวิ่งคนหนึ่งอยากทำให้สำเร็จ จึงรับปากอย่างรวดเร็วจนเรียกว่าไม่ได้คิดอะไรเลยจะดีกว่า แค่ตอนรับปากและโดนชวนเข้าไปในกลุ่ม Pacer ที่จะไปงานเดียวกันแล้ว ยังตื่นเต้นจะแย่ กว่าจะมาตั้งสติทบทวนดูว่าอะไรเป็นอะไร แล้วเราต้องเตรียมตัวอย่างไร ก็ผ่านมาได้ 2-3 วันแล้ว

92 ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดจากการวิ่ง 2

คำว่า Pacer ที่เรารู้จัก มีหน้าที่หลักๆคือ ช่วยเพื่อนนักวิ่งที่เข้าร่วมงานแข่งขันให้ถึงเส้นชัยด้วยเวลาที่กำหนดไว้ เป็นผู้ควบคุมความเร็วของการวิ่งอย่างสม่ำเสมอให้ได้ตามที่กำหนดไว้ตลอดเส้นทาง เช่น ถ้าเพื่อนๆต้องการวิ่ง 10.5 กิโลเมตรให้จบที่เวลา 70 นาที หรือ1:10 ชั่วโมง ก็ต้องวิ่งไปกับ Pacer 70 นาทีนั่นเองค่ะ ดังนั้น หากคำนวณความเร็วที่ควรจะวิ่งให้ได้ตามตัวอย่าง เราก็ต้องวิ่งที่ความเร็ว 6:40 นาทีต่อกิโลเมตร และนี่คืองานของเราค่ะ
เมื่อตกปากรับคำแล้วว่าจะเป็น Pacer 70 นาที ด้วยระยะวิ่ง 10.5 กิโลเมตร สิ่งที่จะต้องทำต่อไปคือการฝึกซ้อมค่ะ พี่เบิร์ดแห่งเพจลูกโป่งรันเนออร์ คือคนที่จะมาตามเก็บการบ้านของพวกเราเหล่า Pacer ทางกลุ่มไลน์ที่สร้างเอาไว้ค่ะ เราเคยได้ยินชื่อกลุ่มลูกโป่งรันเนอร์มานาน เคยวิ่งตามในงานบางงานมาแล้ว ตามไปดูประวัติก็ล้วนแต่ผลงานดี เลยรู้สึกดีใจมากที่ได้เข้าร่วมกลุ่มลูกโป่งรันเนอร์ และทำให้ยิ่งมีความตั้งใจและความมุ่งมั่นที่จะร่วมทำผลงานออกมาให้ดีด้วยเช่นกัน

92 ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดจากการวิ่ง 3

ส่วนตัวเราในฐานะนักวิ่งที่เคยเจอ Pacer แย่ๆมาแล้ว ทั้งวิ่งเร็วไป ช้าไป ไม่สามารถควบคุมความเร็วได้ บางครั้งเร็วต้น ผ่อนปลาย บางครั้งช้าต้น เร็วปลาย เรียกว่าหาความสม่ำเสมอไม่ได้ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของคนเป็น Pacer เพราะหากเราเร่งไป เพื่อนนักวิ่งจะตามเราไม่ทันทั้งที่สมรรถภาพของเขา อาจจะไปได้เรื่อยๆจนถึงเส้นชัยได้หากวิ่งที่ความเร็วสม่ำเสมอ เราเองมีเวลาที่กำหนดในใจในแต่ละการแข่งขันไว้แล้ว ดังนั้น ลูกโป่งบนหลัง Pacer ที่โดดเด่น จะเป็นเหมือนทั้งคนที่ทำให้เราวิ่งตามให้ทัน และเป็นคนที่เราจะต้องวิ่งหนีให้พ้น หากช้ากว่าเวลาที่กำหนด หรืออาจจะเป็นคนที่เราวิ่งไปด้วยกัน และหลายครั้งที่วิ่งไปด้วยกับ Pacer มืออาชีพ มันคือความอุ่นใจที่เราจะมีเพื่อนพาเราไปให้ถึงเส้นชัยได้อย่างตรงเวลา

ประสบการณ์แย่ที่สุดที่เคยเจอจาก Pacer กลุ่มหนึ่งคือ เริ่มต้นวิ่งเร็ว เหมือนกลัวไปไม่ถึงเส้นชัย จนเราเลิกตาม และมาช้าตอนหลัง พอเราวิ่งไปถึงกลับได้ยินคำถามว่า “เฮ้ย เร็วไปป่าววะ ต้องประมาณไหน” ซึ่งเป็นคำถามที่ไม่ควรหลุดออกจากปาก Pacer เพราะความเร็วที่คุณวิ่งอยู่นั้น คุณจะต้องคำนวณมาล่วงหน้าแล้ว และวิ่งตามความเร็วนั้นให้ได้ เราเลยเลิกสนใจนักวิ่งกลุ่มนั้น และก็แค่มองอย่างไม่แยแส เมื่อเห็นทั้งหลุ่มถ่ายรูปกันที่เส้นชัย พวกเขาอาจจะแค่ได้เป็น Pacer แต่ไม่ใช่คนที่เหมาะจะเป็น Pacer เพราะไม่ได้ทำหน้าที่ของ Pacer ให้ดีที่สุด

92 ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดจากการวิ่ง 4

ว่าแต่… เราเนี่ยนะ เหมาะเป็น Pacer หรือไม่ หลังจากตอบรับการเป็น Pacer แล้ว ก็กลับมาย้อนดูตัวเอง ความเร็วที่เราต้องฝึกซ้อมวิ่งให้สม่ำเสมอคือ 6:40 นาทีต่อกิโลเมตร เราวิ่งสบายๆอยู่ที่ความเร็ว 6:30 นาทีต่อกิโลเมตร เลยคิดว่าไม่เป็นปัญหาอะไร เมื่อพี่เบิร์ดถามหาการบ้าน เราก็จัดไป 10.5 กิโลเมตร ไม่น่ายากอะไร

แต่ๆๆ… เอ๊ะ มันไม่ยักกะง่ายแฮะ เราออกวิ่งด้วยการเปิดนาฬิกาจับเวลา และความเร็ว แต่เนื่องจากนาฬิกาจะดีเลย์ความเร็วประมาณ 30 วินาทีถึง 1 นาที เลยทำให้การคงความเร็วเดิมไว้ให้ได้โดยดูจากนาฬิกาไม่ค่อยได้ผล จึงย้ายมาจับความเร็วด้วยความรู้สึกของตัวเอง แต่พอจับที่ความรู้สึกของตัวเองก็จะไปจบที่ความเร็ว 6:30 นาทีต่อกิโลเมตรทุกครั้งไป ปัญหาที่พบคือ การจะวิ่งให้ช้าลงกว่าเดิมเพียงแค่ 10 วินาทีต่อกิโลเมตรนี่ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะร่างกายไม่เคยชินกับความเร็วนี้ ทำให้เมื่อยขาพอสมควร ความรู้สึกของเราคือ มันอยู่กลางๆระหว่างสบายไปเลย กับช้าเกินไป มันสลับไปมาระหว่างวิ่งไม่คิดอะไรกับต้องคิดให้มากๆเลย การบ้านที่ส่งไปจึงได้ระยะทาง แต่ความเร็วไม่คงที่

Pacer หลายคนในกลุ่ม นอกจากมีความขยันวิ่งแล้ว ความเร็วที่ได้ก็แม่นยำมากแบบจับขาวางเลยทีเดียว หลายๆคนเริ่มถามว่าทำยังไง และคำตอบที่ได้คือ พยายามรักษาความเร็วเอาไว้ และนั่นก็คือสิ่งที่เรากำลังพยายามทำอยู่ แต่ทำไม่เห็นได้เลย แรกๆเริ่มมีความกังวล แต่พอผ่านการส่งการบ้าน 3 ครั้งแล้วก็เริ่มเบาใจ ไม่รวมการบ้านที่วิ่งระยะทางน้อยกว่า 10.5 กิโลเมตร เมื่อไรที่เราได้ออกไปวิ่ง ก็จะฝึกความเร็วที่ได้รับมอบหมายให้ได้อย่างน้อย 5 กิโลเมตร ความมั่นใจเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่เข้าใกล้วันงาน

92 ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดจากการวิ่ง 5

งานแรกของชีวิต Pacer คืองานธัญญารักษ์ มินิมาราธอนครั้งที่ 20 ซึ่งจัดที่สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี เราเคยได้ยินมาว่างานนี้จัดมานานหลายปี จำนวนครั้งก็เป็นตัวบอกได้ดี และมีคนมาเยอะทุกปี เป็นงานเดียวที่จะได้วิ่งบนถนนวิภาวดีรังสิตแบบปิด 100% เราทราบมาจากเพื่อนนักวิ่งด้วยกันว่า งานนี้เจ้าหน้าที่ของสถาบันเป็นผู้จัดกันเองเลย และเนื่องจากจัดมาหลายปีจนชำนาญ เสียงตอบรับจึงค่อนข้างดีพอสมควรค่ะ พวกเราเหล่ากลุ่ม Pacer กลุ่มละ 5 คน มีกลุ่ม 60, 70, 80, 90 นาที และกลุ่ม Sweeper รวมแล้ว 25 ชีวิต จึงพร้อมใจกันรวบรวมเงินเพื่อบริจาคเพิ่มเติม รวมยอดตอนมอบให้ ถ้าจำไม่ผิดก็ 4400 บาทค่ะ

วัตถุประสงค์การจัดงานชัดเจน คือ

  1. เพื่อจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็น
  2. เพื่อจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ในการฝึกอาชีพผู้ป่วยยาเสพติดที่รับการบำบัดรักษาระยะฟื้นฟู
  3. เพื่อจัดหาทุนช่วยเหลือผู้ป่วยยาเสพติดที่ฐานะยากจน
  4. เพื่อส่งเสริมพลานามัยของข้าราชการและประชาชนทั่วไป
  5. เพื่อจัดหาทุนก่อสร้างหอพระ

ทางกลุ่มลูกโป่งรันเนอร์มีความเป็นมืออาชีพตรงที่ทำรูปภาพโปรโมทออกมาอย่างสวยงาม ทำให้เราสามารถโปรโมทต่อลง Facebook ได้อย่างสบายๆ แถมทางเพจของงานก็ยังนำไปช่วยโปรโมทด้วยอีกทางหนึ่ง แรกๆเหมือนจะมีนักวิ่งสมัครไม่เต็มจำนวน แต่สุดท้ายก็เต็มค่ะ

92 ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดจากการวิ่ง 6

เมื่อซ้อมพร้อมแล้วก็ลุยได้เลย ปล่อยตัวระยะ 10.5 กิโลเมตรคือ 6 โมงเช้า เรานัดเจอกันตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง เราเกาะรถพี่พงษ์ผู้ใหญ่ใจดีแห่ง Papa Colorful ไปที่งานด้วย เราตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อจำนวนน้องๆ Pacer ที่รู้จักกันแต่ในไลน์ค่อยๆปรากฎโฉมมากันทีละคนสองคน เราเองเป็นคนจำชื่อคนไม่เก่ง พยายามจำได้อยู่ไม่กี่คน จำได้แต่หน้า แต่ด้วยเหตุใดไม่รู้ อาจจะเพราะคุยกันมาจากไลน์แล้ว และด้วยความเป็นกันเองของน้อง Pacer หน้าเก่า ขาเก๋า ที่คอยชวนคุยอย่างเจ้าบ้านต้อนรับขับสู้ให้หน้าใหม่อย่างเราได้อุ่นใจ เลยไม่ค่อยเคอะเขินอะไรมากมาย แถมยิ่งรู้จักแต่ละคนมากขึ้นเท่าไร ยิ่งรู้สึกได้ถึงความ Strong ของสาวๆทุกคน ว่าไม่ใช่แค่หุ่นดีและสวยเท่านั้น แต่พลังงานที่ส่งผ่านออกมาช่างเข้มข้นจนเป็นแรงผลักดันให้เราสนุกสนานไปกับน้องๆด้วยได้อย่างเป็นธรรมชาติ

92 ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดจากการวิ่ง 7

เมื่อพี่เบิร์ดตัวจริงเอาลูกโป่งมาแจก เอาเสื้อและบิบที่พิมพ์แจ้งเวลาที่แต่ละคนต้องรับผิดชอบมาแจก แต่ละคนก็ไปเปลี่ยนเสื้อ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Thairun และมาช่วยกันติดบิบซึ่งจะต้องติดอยู่ข้างหลังเสื้อ เพื่อให้นักวิ่งที่วิ่งตามมามองเห็นชัดเจน บิบได้ถูกเตรียมมาเป็นอย่างดี ด้วยการห่อด้วยพลาสติกอย่างเรียบร้อย ส่วนลูกโป่งสีชมพูก็มีตัวเลขกำกับอย่างชัดเจน เราเองยืนเก้ๆกังๆอยู่สักพัก จำได้ว่าน้องนนเดินเข้ามาบอกว่าจะติดบิบและลูกโป่งให้ ต้องขอบคุณน้องที่ช่วยติดลูกโป่งแรกให้พี่ อยากบอกว่าตื่นเต้นมากจริงๆ

92 ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดจากการวิ่ง 8

92 ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดจากการวิ่ง 9

ก่อนปล่อยตัวเราก็อยากเข้าห้องน้ำ ตอนไปยืนต่อคิวห้องน้ำ คิวยาวมาก กำลังลังเลว่าจะไปเข้าห้องน้ำที่เป็นรถ ยืนหันซ้ายหันขวา รีๆรอๆว่าจะเอาลูกโป่งเข้าได้เหรอ มีน้องผู้ชายคนหนึ่งคงเห็นเราหันไปหันมา เลยเดินมาบอกว่า พี่ไปเข้าห้องน้ำที่รถก็ได้นะ ผมเห็นมีคนติดลูกโป่งแบบนี้เข้ามาแล้ว ผมว่าเข้าได้นะ ก็เลยขอบคุณน้องเค้าแล้วรีบไปเข้า ก็ลำบากนิดนึงเวลาจะผ่านเข้าประตู แต่ก็ผ่านมาได้อย่างเรียบร้อย นี่มันคือการเข้าห้องน้ำแบบมีลูกโป่งติดหลังเป็นครั้งแรกนะเนี่ย
พอออกมาจากห้องน้ำ ก็ใกล้เวลาปล่อยตัวเต็มที เรามาไม่ทันถ่ายรูปรวม แต่ก็รีบวิ่งไปรวมกลุ่ม 70 นาที อันประกอบไปด้วย คุณออย น้องจอย น้องออมสิน และน้องเอื้อย ก่อนปล่อยตัวมีเรื่องตื่นเต้นนิดหน่อย คือหม้อแปลงหน้าประตูใหญ่ที่เป็นทางวิ่งออกตอนปล่อยตัวระเบิดเสียงดังมาก และมีไฟลุกไหม้ ดีที่ตรงนั้นไม่มีใครอยู่ข้างใต้ จึงไม่มีใครเป็นอะไร แต่ใกล้ๆมีตำรวจยืนอยู่ ทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และตำรวจ ได้พยายามที่จะดับไฟ แต่ดูแล้วไม่เป็นผล ระหว่างนั้นประธานก็กล่าวเปิดงานไปเรื่อยๆ สุดท้ายทางผู้จัดจึงเปลี่ยนทางวิ่งให้วิ่งไปออกอีกประตูหนึ่งที่อยู่ถัดไป จึงถือว่าเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็วค่ะ

92 ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดจากการวิ่ง 10

พอได้สัญญาณปล่อยตัว ด้วยความที่คนแน่นมากจึงทำให้เราไม่สามารถวิ่งออกไปได้ แต่กดนาฬิกาให้จับเวลาไว้แล้ว กว่าจะออกมาที่ประตูใหญ่ และวิ่งเข้าสู่ทางหลักก็ผ่านไปแล้วเกือบ 5 นาที เรามีคุณออยผู้ที่รอบขาวิ่งแม่นยำเหมือนจับวางอยู่ในกลุ่มด้วย แถมมีประสบการณ์เป็น Pacer มาแล้ว จึงรู้สึกอุ่นใจที่ได้ออกวิ่งไปกับคนเก่ง นอกจากคุณออยแล้ว ยังมีน้องออมสิน ที่ดูแล้วรู้จักกับคุณออยมาก่อน เราเองก็วิ่งเพลินๆฟังสองคนนี้คุยกันไป แค่นี้ก็สนุกแล้วค่ะ ส่วนน้องเอื้อย และน้องจอย ยังเป็น Pacer มือใหม่กัน เลยวิ่งกันเงียบๆ และใจจดจ่ออยู่กับการก้าวเท้าเท่านั้นค่ะ

92 ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดจากการวิ่ง 11

คุณออยและน้องออมสินมีความเป็นมิตร และทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาก คอยเรียกเพื่อนนักวิ่งให้วิ่งไปด้วยกันตลอดทาง เพื่อนนักวิ่งหลายคนก็เข้ามาทักทายเรา ถามเราว่า 70 คืออะไรอายุเหรอ ประมาณนี้ ก็สนุกสนานกันไปค่ะ
เส้นทางวิ่งงานนี้สบายมาก เพราะวิ่งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาเข้าตั้งแต่สถาบันไปจนถึงประมาณอนุสรณ์สถานแห่งชาติแล้วกลับตัวมาที่เส้นชัย ซึ่งย้ายมาตั้งบนถนนให้วิ่งเข้าเส้นชัยได้สบายๆ

92 ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดจากการวิ่ง 12

คุณออยแชร์ประสบการณ์การเป็น Pacer ด้วยเรื่องของระยะทางว่าที่ต้องถามทางผู้จัดให้แน่ใจว่าระยะทาง 10.5 กิโลเมตรเป๊ะหรือเปล่า ก็เพื่อให้ Pacer อย่างเราสามารถฝึกซ้อมวิ่งด้วยความเร็วและระยะทางตามที่ถูกกำหนดมาได้ เพื่อที่จะไปวิ่งนำเพื่อนนักวิ่งให้เข้าเส้นชัยตามเวลาที่กำหนดได้อย่างแม่นยำ หากระยะทางขาดก็ยังพอชะลอลงได้ แต่ถ้าระยะทางเกินนี่คือฝันร้ายของ Pacer เพราะต้องสับขาเข้าเส้นชัย จะไปสับขาหลอกใครก็ไม่ไ้ด้ เพราะโดนหลอกเอง ตัวเลข 70 นาทีบนลูกโป่ง หมายถึงการเข้าเส้นชัยที่เวลานั้นเท่านั้น ไม่ว่าระยะทางจะขาดหรือเกินอย่างไรก็ตาม หากเกินน้อยๆไม่กี่ร้อยเมตรคงพอบรรเทา แต่ถ้าเกินเป็นกิโลๆอย่างที่งานบางงานพลาดมาแล้ว นั่นก็คือหายนะของ Pacer ได้เลยค่ะ จริงๆแล้วหาก Pacer จะวิ่งเข้าเส้นไม่ตรงเวลาเป๊ะ ก็ไม่ควรบวกลบเกิน 10 วินาทีอันนี้พี่ๆมือเก่าเค้าบอกมาค่ะ
วิธีการตรวจสอบว่าวิ่งมาได้ตามเป้าหมายจริงหรือไม่ ก็พอจะมีทางอยู่บ้าง นอกจากจับเวลาที่วิ่งได้แต่ละกิโลเมตรแล้ว หรือที่เราเรียก Lap นั่นเอง ก็ต้องดูระยะทางที่วิ่งตามจริงเทียบกับป้ายที่ทางผู้จัดวางไว้ให้ด้วยว่าสอดคล้องกันไหม อีกทางหนึ่ง อาจจะเป็นเพื่อนPacer ที่วิ่งเข้าเส้นชัยก่อนเรา จะสามารถส่งสัญญาณมาบอกได้ว่าระยะทางแม่นยำหรือไม่ได้อีกทางหนึ่ง ที่เหลือก็ต้องไปดูหน้างาน และแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันต่อไป
เราตกลงกันว่า จะวิ่งเร็วกว่าความเร็วที่ตั้งไว้ประมาณ 5-10 วินาทีเผื่อเหลือเผื่อขาด และไม่เร็วเกินสำหรับเพื่อนนักวิ่งที่คาดหวังเวลาเข้าเส้นชัยที่ 70 นาทีนี้ เมื่อตกลงกันแล้วก็ปฏิบัติตามนั้นเลยค่ะ เส้นทางเรียบๆ ไม่มีเนิน วิ่งสบาย พอถึงจุดให้น้ำก็ผลัดกันรับน้ำ เพราะต้องมีอย่างน้อย 1 คนที่ต้องวิ่งรักษาเวลาต่อ หยุดไม่ได้ พวกเราก็ใช้วิธีการหยิบน้ำให้กันไปค่ะ

92 ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดจากการวิ่ง 13

เราเป็นคนถือตารางความเร็วที่พี่เบิร์ดให้มา จึงได้พยายามเชคกับเวลาของตารางตลอด ความเร็วก็ยังไม่ช้าเกินไป ซึ่งก็ทำให้เบาใจลงไปบ้าง ยอมรับว่าก่อนหน้านี้แอบเครียด กลัวทำได้ไม่ดี แต่เมื่อทำได้ก็สบายใจ อาจด้วยงานนี้เส้นทางวิ่งสบายมาก ไม่มีเนิน ปิดถนน100% ทางวิ่งกว้างขวางไม่ต้องเบียดเสียดใครให้ต้องวิ่งช้าลง ข้างบนมีเส้นทางโทลล์เวย์เป็นร่มเงาให้ มีเมฆมาบังแสงอาทิตย์ลดความร้อนแรงของอุณหภูมิที่ค่อยๆมากขึ้นหลังจากพระอาทิตย์ขึ้น และดีกว่านั้นเมื่อสัมผัสได้ถึงลมที่พัดมาเรื่อยๆช่วยคลายความร้อนได้ดี
คุณออยได้เตือนพวกเราว่า ให้วิ่งห่างๆกันไว้หน่อย ป้องกันลูกโป่งพันกัน แล้วก็ไม่ทันไร ลูกโป่งน้องจอยและน้องเอื้อยก็พันกันซะแล้ว แต่คนที่เหลือก็ต้องวิ่งต่อ ปล่อยน้องๆยืนแกะกันเอง การแกะลูกโป่งที่พันกันนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายนะคะ กว่าน้องจะแกะออก ก็ต้องสับขาวิ่งตามมาแบบหอบเหนื่อยกันพอสมควรเลยทีเดียว

92 ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดจากการวิ่ง 14

และแล้วเราก็วิ่งเข้าเส้นชัยที่เวลา 1:08:35 ชั่วโมง เร็วกว่าเวลาที่กำหนดไป 1 นาทีกว่า แต่ก็ถือว่าเราพอใจกับผลงานแล้วอาจจะเร็วไปนิด แต่ก็สบายใจที่ไม่มีเพื่อนนักวิ่งคนไหนมาบ่นว่าตามไม่ทัน ความเร็วเฉลี่ยต่อกิโลเมตรก็กระจายกันไป อยู่ระหว่าง 6.24-6.44นาทีต่อกิโลเมตร ซึ่งมีช่วงสับสนกับเวลาที่กดนาฬิกากันเล็กน้อย เรากดนาฬิกาไม่ตรงกันนั่นเอง แต่ป้ายบอกระยะทางค่อนข้างแม่นยำตรงกับนาฬิกาที่จับระยะ จึงถือว่าเป็นบทเรียนหนึ่ง ที่เราควรจะกดนาฬิกาพร้อมกันตอนปล่อยตัว เพื่อให้การวัดระยะทางและเวลาแม่นยำมากขึ้น เพราะมีคนช่วยตรวจสอบหลายคน

92 ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดจากการวิ่ง 15

เราเข้าเส้นชัยแล้วก็ดื่มน้ำ ยืดเหยียด รอเพื่อนๆทุกคนจากเวลากลุ่มอื่นจนถึง Sweeper แถวเส้นชัย มีพื้นที่ว่างให้พอรวมกันถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก โดยไม่รบกวนนักวิ่งในสนาม เลยใช้เวลาตรงนั้นถ่ายรูป และทบทวนผลการวิ่งแต่ละกลุ่ม พบว่าแต่ละกลุ่มเวลาสามารถเข้าเส้นชัยได้ภายในเวลาที่กำหนดค่อนข้างแม่นยำ

92 ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดจากการวิ่ง 16

92 ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดจากการวิ่ง 17

มีใครสักคนเอ่ยปากชวนวิ่งกลับไปร่วมขบวนกับ Sweeper ผู้เก็บกวาดไม่ใช่แค่นักวิ่ง แต่รวมถึงช่วยขยะ อุปกรณ์ เคลียร์พื้นที่ทั้งหมด เพื่อคืนพื้นที่ให้กับผู้สัญจรทางถนนต่อไป แต่เราขอตัวไม่ไป เพราะเย็นนี้จะต้องไปร่วมงานวิ่งอีกหนึ่งงาน และนัดเพื่อนมาวิ่งด้วยกันด้วย เลยอยากถนอมแรงเอาไว้ตอนเย็น สุดท้ายก็ยืนถ่ายรูปเล่นรออยู่แถวนั้น

92 ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดจากการวิ่ง 18

และแล้วก็เห็น Sweeper วิ่งมาแต่ไกล พร้อมกับนักวิ่งคนสุดท้าย เป็นคุณลุงท่านหนึ่งที่เราเห็นแล้วว่าใกล้หมดแรงเต็มที่ แต่โดนลูกกระตุ้นจาก Sweeper และพวกเราที่ตามมาสมทบเชียร์ให้กำลังใจ ก็เลยมีลูกฮึดวิ่งเข้าเส้นชัยได้อย่างปลอดภัย คุณลุงมีความสุข พวกเราก็มีความสุขค่ะ

92 ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดจากการวิ่ง 19

เมื่อเข้าเส้นชัยแล้ว ปกติพวกเราก็จะจากไปอย่างเงียบๆ แต่งานนี้ทางผู้จัดให้ความสำคัญกับพวกเรามาก ด้วยการขอเชิญขึ้นเวทีเพื่อกล่าวขอบคุณ และมอบของที่ระลึก นอกจากจะได้เหรียญรูปสมเด็จย่าสวยๆแล้ว ยังได้ขนมมาแบ่งกันทานรองท้องก่อนกลับบ้านด้วยค่ะ

92 ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดจากการวิ่ง 20

เหรียญที่เคยมีเรื่องดราม่าเมื่อปีก่อนว่าไม่พอแจก ปีนี้ทำสวยงามเช่นเคย และพอแจกแล้วนะคะ แถมยังเผื่อแผ่มาถึง Pacer อย่างเราด้วย ต้องขอบคุณผู้จัดมากๆเลยค่ะ

สรุปแล้วมีคนบอกมาว่า Pacer คือ นาฬิกาเคลื่อนที่ในสนามวิ่งดีดีนี่เอง ไม่ใช่ว่าใครจะมาเป็น Pacer ที่ดีได้ เพราะการคุมความเร็วการวิ่งให้สม่ำเสมอตลอดการวิ่งไม่ใช่เรื่องง่าย สามารถบอกได้ว่า ต้องฝึกซ้อมอย่างเดียวเท่านั้น หรือไม่ก็วิ่งมานานพอจนมีความเร็วที่แน่นอนเป็นของตัวเอง และควบคุมมันได้ ใครไม่เคย วิ่งครั้งต่อไป ลองกำหนดความเร็วที่เราคิดว่าจะทำได้ แล้วลองวิ่งดู ก็รู้แล้วว่าเป็นยังไง

บางคนบอกว่าการเป็นเป็น Pacer คือการได้วิ่งฟรี แต่สำหรับเราแล้ว เราไม่ชอบของฟรี ซึ่งคิดเหมือนกับเพื่อนๆในกลุ่มลูกโป่งรันเนอร์ทุกคนว่า เมื่อเราวิ่งเพื่อการให้ แล้วทำไมจะต้องมาเอาเปรียบด้วย ดังนั้นเราจึงรวบรวมเงินร่วมบริจาคในงานด้วยทุกครั้ง ส่วนผู้จัดอยากให้อะไรคงต้องแล้วแต่ความพึงพอใจของเขา และเราก็ถือว่าเป็นคำขอบคุณที่เขาอยากจะตอบแทนเรา เท่านั้นเองค่ะ

เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับความสุขที่ได้พาเพื่อนนักวิ่งวิ่งเข้าเส้นชัยได้ตามเวลาที่ต้องการ บางคนได้ PB ใหม่ บางคนอาจท้อกลางทาง แต่มีเราเป็นกำลังใจให้ บางคนทำได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือมิตรภาพใหม่ๆที่หาได้จริงระหว่างทางวิ่ง
สุดท้ายนี้ไม่ว่าใครจะคิดอะไรกับ Pacer แต่เหล่า Pacer ทุกคนรู้ดีว่า พื้นฐานจริงๆมาจากใจที่อาสาและปรารถนาดีกับเพื่อนนักวิ่งที่ร่วมทางกันมาทุกคนค่ะ

ขอให้เพื่อนนักวิ่งวิ่งเพื่อให้อย่างมีความสุขกันนะคะ

24 มิ.ย. 2561

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

%d bloggers like this: