Explore the Knowledge for Runner
หลังจากทราบข่าวจากคุณออยแห่งเพจ Oily’s Story ผ่านทางไลน์กลุ่ม We Run You Run ว่าทางเพจคุณออยจะจัดวิ่งซิตี้รันขึ้น ความคิดแรกในหัวคือ “ไปด้วย!!” กลิ่นไอซิตี้รันรอบที่แล้วยังตลบอบอวลอยู่ในความรู้สึก เลยทำให้อยากไปวิ่งอีกรอบ ครั้นจะไปวิ่งเองคนเดียวไกลๆ มันก็จะแอบเปลี่ยวหัวใจนิดนึง เลยลงชื่อเข้าร่วมอย่างไม่ลังเล
คุณออยเลือกเส้นทางวิ่งจากสวนจตุจักรไปถึงท่ามหาราช ซึ่งระยะทางโดยรวมคือ 20 กิโลเมตร ใครจะเริ่มวิ่งจากสวนจตุจักรก็ได้ หรือจะมาเริ่มวิ่งตรงจุดนัดพบพระที่นั่งอนันตสมาคมก็ได้ เพราะถ้าเริ่มจากพระที่นั่งไปถึงท่ามหาราช ก็จะรวมระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร เราเลยคิดว่าจะขอวิ่งแค่ 10 กิโลเมตรก็พอ
แรกๆเราก็กะจะแค่ไปวิ่งด้วยสนุกๆ แต่ไปๆมาๆคุณออยแจ้งว่าคนลงชื่อมาร่วมวิ่งค่อนข้างเยอะจนคิดว่าแค่คุณออยคนเดียว และเพื่อนไม่กี่คนคงจะดูแลไม่ไหว เราเลยอาสาสมัครไปช่วยดูแลด้วย โดยต้องเปลี่ยนความตั้งใจไปวิ่งตั้งแต่แรกเลย และนอกจากเราแล้วยังมีเพื่อนในกลุ่ม We Run You Run มาช่วยด้วย งานนี้เลยน่าสนุกขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง
คุณออยเลยแบ่งกลุ่มพวกเราออกเป็น 5 กลุ่ม เพื่อดูแลเพื่อนนักวิ่งที่เป็นแฟนคลับคุณออยประมาณ 70 คน เราได้อยู่กลุ่มที่ 4 รวมกับน้องลัญและน้องเติ้ล
เราเริ่มต้นการวิ่งจากสวนจตุจักร และจะไปจบที่ท่ามหาราช ระยะทางที่คุณออยไปเซอร์เวย์มารวมๆแล้วประมาณ 21 กิโลเมตร พวกเราเหล่า Staff นัดเจอกันเวลา 4.00 น. แต่คุณออยนัดเพื่อนนักวิ่งตอน 4.30 น. และจะเริ่มวิ่งเวลา 5.00น.
เมื่อถึงเวลา 4.00น. พวกเราก็ได้เจอกัน และเพื่อนๆก็ทยอยกันมาเรื่อยๆ จนเราได้แนะนำตัวกัน แบ่งกลุ่มกันเรียบร้อย เวลา 5.00น. ตรงก็เริ่มออกวิ่งกัน โดยเราจะวิ่งรอบสวนจตุจักรก่อน 1 รอบ เป็นระยะทาง 3 กิโลเมตร แล้วค่อยออกวิ่งไปตามถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าสะพานควาย สนามเป้า และอนุสาวรีย์
ตอนคุณออยทักทายกับแฟนคลับ เราก็ได้รับการแนะนำว่า เราเป็นนักกายภาพบำบัด ถ้าใครมีปัญหาบาดเจ็บอะไร ให้มาหาได้ ดังนั้น พอจบการวิ่งรอบสวนแล้ว ก็มีพี่นักวิ่งท่านหนึ่งเข้ามาปรึกษาเรื่องเท้า พี่เจ็บเอ็นฝ่าเท้ามาไม่นาน แต่วันนี้อยากจะวิ่งให้จบมากๆ เราเลยทำการปฐมพยาบาลให้ก่อน ด้วยการฉีดสเปรย์เย็น และเทปล็อคฝ่าเท้าและข้อเท้าไว้ งานนี้เราตั้งใจนำเทปทางกีฬามาด้วย เผื่อมีคนเจ็บ และก็ได้ใช้จริงๆซะด้วย
เมื่อเทปให้เรียบร้อยแล้ว เราก็ออกวิ่งกันต่อ เราอยู่รั้งท้ายแถวแล้ว กลุ่ม 4 ที่เราคุม วิ่งไปไกลแล้ว เราเลยรวมอยู่กับกลุ่มสุดท้ายซึ่งเป็นกลุ่ม Sweeper นำโดยพี่เปิ้ล ซึ่งไปกันเรื่อยๆไม่รีบร้อน หยุดถ่ายรูปกันเป็นพักๆ
แรกๆคุณออยได้ตกลงกันว่าจะวิ่งที่เพซ 7-8 แต่ถึงเวลาก็เห็นแล้วว่ามีคนที่วิ่งหลุดมาเพซ 9 จนถึงเดิน แต่เราก็เห็นความพยายามของคนที่อยู่กลุ่มรั้งท้ายที่อยากจะตามกลุ่มใหญ่ให้ทัน
กลุ่มที่วิ่งนำก็มีการหยุดรอเป็นพักๆ จุดที่หยุดถ่ายรูปแต่ละจุดก็คือจุดที่หยุดรอนั่นเอง จุดแรกคืออนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ งานนี้มีตากล้องจากหลายเพจมาช่วยถ่ายรูปกิจกรรมน่ารักๆให้ด้วย ประกอบไปด้วยพี่พงษ์ จาก Papa Colorful, พี่เอ็ม จาก mPhotosport และพี่เอ จาก ตนมือสั่น
จากอนุสาวรีย์ก็ออกวิ่งมาทางโรงพยาบาลรามาตรงไปถนนสวรรคโลกก็จะเจอกับสวนจิตร เราหยุดถ่ายรูปหัวมุมที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 9 และพระราชินี และรัชกาลที่ 10 ขนาบข้างเพื่อเป็นที่ระลึก
จากหัวมุมนี้ เราออกวิ่งตามทางวิ่งไปทางซ้ายอ้อมสวนจิตรไปเข้าถนนศรีอยุธยาทางพระที่นั่งอนันตสมาคม ระหว่างทางก็มีหยุดยืดกล้ามเนื้อรอรวมกลุ่มกันเป็นพักๆ
แล้วเราก็มาถึงจุดนัดพบสำหรับเพื่อนนักวิ่งที่ต้องการวิ่งเพียงแค่ 10 กิโลเมตร นี่เราวิ่งกันมาได้แค่ครึ่งทางเท่านั้นเอง ความครึกครื้นเริ่มมากขึ้นตามจำนวนคนที่เพิ่มขึ้น เราพบกับเพื่อนในกลุ่มรันเวย์อีกชุดหนึ่ง
พี่พงษ์แห่ง Papa colorful มารอถ่ายรูปให้พวกเราตรงนี้ และเรียกถ่ายรูปโปรโมทงาน Hero Run 2018 ที่เราจะไปเป็น Pacer อีกไม่นานนี้ด้วย
จากพระที่นั่งอนันตสมาคม เราออกวิ่งกันไปทางถนนราชดำเนินนอก มุ่งหน้าสู่ถนนราชดำเนินกลาง เพื่อไปที่จุดถ่ายรูปอีกจุดนั่นก็คืออนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
เก็บภาพกันได้แล้วก็ออกวิ่งต่อไปทางถนนดินสอ แวะซื้อน้ำและของกินที่ 7-11 แถวศาลาว่าการกรุงเทพฯ เราจัดขนมจีบไปเต็มๆ 5 ลูก ต่อด้วยน้ำหวานอีก 1 ขวดเล็กเพื่อเติมพลังงาน ตอนนี้ท้องเริ่มร้องโครกแล้ว ถ้าจะให้รอถึงท่าพระจันทร์ก็น่าจะไม่รอด
แล้วก็มาถึงอีกจุดหนึ่งเพื่อการถ่ายรูปนั่นก็คือเสาชิงช้า ต่างคนต่างตื่นเต้นยืนถ่ายรูปกันเอง กว่าจะเรียกรวมตัวถ่ายได้ก็ใช้เวลาไปพักหนึ่ง แดดที่ออกมาเปรี้ยงๆแล้วไม่สามารถทำอะไรพวกเราได้ ในช่วงเวลาของการถ่ายภาพเช่นนี้ แต่จะว่าไปแล้วยิ่งแดดเปรี้ยงๆนี่สิยิ่งดี เพราะภาพจะสวยสดใสมาก ตาก็จะหยีๆหน่อย
ถ่ายรูปหนำใจแล้ว ก็ไปกันต่อ เราวิ่งกันมาที่ถนนตีทอง มีปั๊มเลยแวะเข้าปั๊มนิดนึง แล้ววิ่งยาวไปเข้าถนนตรีเพชร ผ่านดิโอลด์สยาม ยาวไปถึงโรงเรียนสวนกุหลาบเพื่อมุ่งหน้าสู่สะพานพุทธ
มาถึง ณ จุดนี้ ก็ออกแนวอ่อนแรงแล้วเรา เพราะแสงแดดที่มันเปรี้ยง และท้องที่ออกจะโล่งๆโหยๆ ดื่มน้ำเข้าไปเรื่อยๆก็พอช่วยได้ ยังไงก็ไม่ถอยอยู่แล้ว มาถึงขนาดนี้แล้ว คุณออยก็คอยบอกตลอดว่าโรตีมะตะบะท่าพระจันทร์กำลังรอเราอยู่
เราขึ้นไปถ่ายรูปที่จุดไฮไลท์กลางสะพาน แล้วก็วิ่งกลับลงมา อ้อมใต้สะพานพุทธมุ่งหน้าถนนจักรเพชร หรือก็คือปากคลองตลาดนั่นเอง เราวิ่งลัดเลาะร้านขายดอกไม้ และคนเข็นรถเข็นไปมา จนข้ามคลองรอบกรุงเข้าสู่ถนนสนามชัย ผ่าน มิวเซียมสยาม ผ่านสวนสราญรมย์ และก็ถึงอีกจุดของการถ่ายภาพ นั่นก็คือกำแพงกระทรวงกลาโหม ฝั่งถนนกัลยาณมิตร ที่ใครมาแล้วก็มักจะไม่พลาดกัน
เราเองก็ได้ภาพจากตรงนี้หลายรูปเลย และเมื่อถ่ายกันเสร็จแล้วก็ได้เวลาวิ่งลัดเลาะต่อไปทางถนนหน้าพระลาน ผ่านเสาหลักเมือง วิ่งเลียบไปตามกำแพงวัดพระแก้ว เก็บภาพสวยๆกันกลางแดดเปรี้ยงอีกรอบ ใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เราไม่ได้มาแถวนี้นานได้พบว่ามีการจัดแถวให้นักท่องเที่ยวรอเข้าวัดพระแก้วทางถนนหน้าพระธาตุ ซึ่งทำให้รถไม่ติดให้หงุดหงิดใจแถวหน้าพระลาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก
และแล้วจากวัดพระแก้วเราวิ่งตรงมา เลี้ยวขวาเข้าถนนมหาราช เข้าสู่ท่ามหาราชซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปจุดสุดท้าย กว่าจะได้ภาพรวมสวยๆ ก็ต้องยอมนั่งตากแดดกันอยู่พักหนึ่ง พี่พงษ์ถึงกับวิ่งไปบนชั้น 2 ของตึกเพื่อเก็บภาพสวยๆนี้มา
หลังจากนั้นก็คือช่วงเวลาแห่งความสุขคือการ “กิน” นั่นเอง คุณออยได้จองชั้น 2 ทั้งหมดของร้านโรตีมะตะบะที่ท่าพระจันทร์ไว้ พร้อมกับเลี้ยงโรตีและหมูสะเต๊ะ ซึ่งทางร้านเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว พร้อมเสิร์ฟให้กับนักวิ่งผู้หิวโหย และหมดลงอย่างรวดเร็ว คงทั้งเพราะอร่อยและหิวนั่นเอง หลังจากนั้นก็สั่งอาหารและน้ำเพิ่มเองตามอัธยาศัย โต๊ะเราก็ขอหมูสะเต๊ะเพิ่มอีกสักจานตามดีกรีความอร่อย
จบงานไปด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพดีๆที่เพิ่มขึ้นมาอีกมากมาย แม้จะวิ่งกันมานานถึง 5 ชั่วโมง พร้อมกับแดดร้อนแรงครึ่งทางหลัง นี่คือความอดทนของนักวิ่งอย่างพวกเรา อดทนต่อความเหนื่อย ความหิว และความร้อน แต่เราก็ยังพูดคุยยิ้มแย้มกันได้ตลอดทาง ซึ่งนี่คือข้อดีของการมาทำสิ่งที่ชอบร่วมกัน แม้เราจะมีจำนวนรวมกันร่วมร้อยคน แต่ไม่มีคนงอแงเลยสักคน ถือเป็นกลุ่มคนที่น่ารักมากๆ แฟนเพจคุณออยนี่น่ารักกันทุกคน คงต้องขอบคุณคุณออยที่ให้โอกาสในการดูแลเพื่อนนักวิ่งกลุ่มนี้ เป็นประสบการณ์ที่ดีมากจริงๆ
ระยะทางที่วิ่งทั้งหมดคือ 20.8 กิโลเมตร ซึ่งเราลืมกดนาฬิกาของเราไปช่วงหนึ่งทำให้ระยะทางหายไป เลยต้องเอาสถิติของคุณออยมาใช้ ใช้เวลารวม 5:01:54 ซึ่งคุณออยไม่ได้กดหยุดเวลาเลย
เส้นทางรวมทั้งหมดถือเป็นเส้นทางใหม่สำหรับเรา อย่างน้อยก็ตั้งแต่สวนจตุจักรมาจนถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ส่วนเส้นทางอื่นอาจจะผ่านๆมาบ้างแล้วแต่ก็ไม่เป๊ะ การวิ่ง City run ในกรุงเทพ ฟุตบาทอาจไม่เหมาะกับการวิ่งอย่างสบาย เพรามีหลุมมีตะปุ่มตะป่ำพร้อมทำให้ข้อเท้าพลิกได้ทุกเมื่อ จึงต้องคิดซะว่ามาวิ่งฝึกสติและฝึกเอ็นข้อเท้าและกล้ามเท้าให้แข็งแรง บางจุดไม่สามารถวิ่งได้ก็ต้องเดิน ทำให้จำนวนก้าวต่อนาทีจึงหลากหลายมาก ตั้งแต่ 131-234 ก้าวต่อนาทีเลย
ส่วนเรื่องความสูง ดูๆแล้วเหมือนพื้นที่ของสวนจตุจักรจะสูงกว่าใจกลางเมืองพอสมควร สองหยักสุดท้ายก็น่าจะเป็นสะพานพุทธและบันไดที่ท่ามหาราชนั่นเอง
อุณหภูมิก็หลากหลายเช่นกันเพราะเริ่มตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างไปจนถึงแดดเปรี้ยงจึงไม่แปลกใจที่จะเป็นตัวเลขตั้งแต่ 27 – 36 องศา
ส่วนโซนหัวใจไม่ต้องพูดถึง เดินๆวิ่ง อยู่โซน 2-3 สบายๆค่ะ
หลังจากจบงานนี้แล้วทำให้รู้ว่ากรุงเทพก็น่าวิ่งเหมือนกันนะ โดยเฉพาะเวลามีเพื่อนวิ่งด้วยกลุ่มใหญ่ๆ ปกติจะชอบวิ่งคนเดียว งุบงิบๆไปเรื่อยๆ แล้วยิ่งต้องคอยดูแลเพื่อนนักวิ่งด้วยกันแล้ว ถือเป็นความรู้สึกภูมิใจจริงๆ กรุงเทพยังคงมีมนต์เสน่ห์ทั้งตอนกลางวันและกลางคืน การวิ่งงานทำให้รู้ว่าระยะทางในกรุงเทพจริงๆไม่ได้ไกลเลย ถ้าวิ่งตรงๆจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปท่ามหาราชแบบไม่ซอกแซกไปไหน ก็ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ยิ่งถ้าได้วิ่งซอกแซก แวะไปตามสถานที่สำคัญต่างๆทางประวัติศาสตร์แล้ว แม้จะระยะทางเพิ่มขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่มากเท่ากับฟูลมาราธอนแน่ๆ วิ่งใจกลางเมืองกรุงเทพ บางคนว่าควันรถเยอะ แต่อยากให้มาลองวิ่งในวันอาทิตย์ ยามเช้าตรู่ วิ่งจากไหนก็ได้ แล้วไปจบที่ที่มีของกินเยอะๆ ได้ทานอาหารเช้าอร่อยๆ รับรองว่าฟินแน่ๆ
งานนี้ต้องขอขอบคุณคุณออยจาก Oily’s Story ที่ชวนมาวิ่งด้วยกัน ทำให้รู้ว่าร่างกายเราทำอะไรได้อีกเยอะ และทำให้เราเปิดใจกับการวิ่ง City Run และการวิ่งกับคนอื่นมากขึ้น
ขอบคุณช่างภาพ 3 คน
ถ้าขาดตากล้องไปแล้วจะทำให้แต่ละจุดที่หยุดถ่ายรูป ไม่มีความหมายไปเลย
ขอบคุณเพื่อนนักวิ่งที่ส่งแต่รอยยิ้มให้กัน บางคนคิดว่าน่าจะไม่สามารถวิ่งได้จบ แต่สุดท้ายก็เห็นหน้ากันครบที่บันไดท่ามหาราช
ไว้พบกันใหม่ในวันที่สมบูรณ์
ขอให้เพื่อนนักวิ่งได้มาลอง City Run กันดูบ้างนะคะ 27 ต.ค. 61
Recent Comments