Explore the Knowledge for Runner
จบปี 2561 ไปอีกปี กับวิถีอายุนักวิ่ง 5 ปีในวัย 39 ปีเศษ หากดูตามสถิติจำนวนงานวิ่ง ก็เป็นไปตามนี้
ในระหว่างการเดินทางของทั้งปี เรามักจะบอกที่บ้านว่า ไม่ได้ลงงานวิ่งเยอะเลย แค่เดือนละไม่กี่ครั้งเอง โดยเฉพาะเวลาโดนท้วงติงว่า ไปงานวิ่งเยอะจนไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัวแล้ว แต่พอมาดูตัวเลขจริงๆ มันก็เยอะจริงแฮะ ไม่กล้าคำนวณว่าหมดเงินไปเท่าไหร่ เหตุผลที่เราก็มักจะบอกตัวเองเสมอในตอนที่ตัดสินใจลงงานวิ่งว่า “เพื่อประสบการณ์” ใช่ เราได้ประสบการณ์ก็จริง แต่สิ่งที่ต้องทำเพิ่มเติม ก็คือ ต้องมาไล่ดูว่าประสบการณ์ที่ได้มานั้น “คุ้มค่า” ไหม
เมื่อพิจารณาด้วยใจเป็นกลางแล้ว เราบอกได้เลยว่าไม่ค่อยคุ้มค่า โดยเฉพาะเงินในกระเป๋า และรวมไปถึงงานวิ่ง Virtual run ซึ่งจริงๆแล้วเป็นสิ่งที่จะช่วยมากระตุ้นการวิ่งให้ได้ดียิ่งขึ้น แต่ระยะหลังๆ ที่ลงวิ่งงาน Virtual run เยอะ ก็แค่เพื่อให้ได้เหรียญน่ารักๆ เสื้อสวยๆ วิ่งทีเดียวส่งได้หลายงาน ซึ่งสิ่งที่ได้มา ไม่ค่อยภาคภูมิใจเท่าไหร่ มีงานเดียวที่เก็บระยะให้ได้ 2018 กิโลเมตรในหนึ่งปี ซึ่งก็ทำได้ครบประมาณเดือน พ.ย. ไปแล้ว ที่รู้สึกว่า “คุ้มค่า” เป็นงานเดียวที่การวิ่งเก็บระยะเสมือนจริงมี “บทบาท” ในการกระตุ้นให้ออกไปวิ่งจริงๆ เราสามารถวิ่งระยะทางไม่ต่ำกว่า 40 กิโลเมตรต่อสัปดาห์ได้อย่างสบายๆโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยใดๆ ดังนั้นจึงมาคิดใหม่แล้วว่า ต่อไปถ้าลง Virtual run จะต้องลงเพื่อกระตุ้นให้เกิดพัฒนาการวิ่งเท่านั้น ดังนั้น อย่าออกแบบเสื้อกับเหรียญให้สวยมากนักเลย เดี๋ยวอดใจไม่ไหวอีก
ส่วนงานวิ่งอื่นๆ ทั้ง Fun run บ้าง มินิบ้าง ฮาล์ฟบ้าง ลงเพราะเป็นระยะที่ใช้ฝึกซ้อมในวันนั้น เช่น ต้องวิ่ง 2 ชั่วโมงในวันนั้น ก็ลงงานวิ่งระะยฮาล์ฟไว้ ซึ่งแรกๆก็คิดว่าจะช่วยกระตุ้นไม่ให้ขี้เกียจออกไปวิ่ง แต่พอได้วิ่งอย่างสม่ำเสมอจริงๆแล้ว งานวิ่งพวกนี้ก็ไม่ได้มีส่วนกระตุ้นแต่อย่างใด บางงานลงๆไปเพราะได้หยุด และต้องวิ่ง ทั้งที่เหรียญกับเสื้อก็งั้นๆ งานก็กลางๆไม่ประทับใจอะไร มานึกเสียดายเงินทีหลังทุกที ดังนั้นสิ่งที่ต้องปรับใหม่คือ ลงงานวิ่งเฉพาะเพื่อการทดสอบสมรรถภาพร่างกายระหว่างโปรแกรมการฝึกซ้อมฟูลมาราธอนเท่านั้น
ของแถม 2 ชิ้นที่ได้จากงานวิ่งปีนี้คือ ถ้วยรางวัล คือที่ 2 Overall กับ ที่ 2 ในช่วงอายุ 30-39 ปี เป็นการส่งท้ายนักวิ่งวัยปลายกลุ่ม 30 ปีเป็นอย่างดี ที่เรียกว่าของแถมก็คือ เราไม่ได้วิ่งเก่งมาก แต่แค่ในงานนั้นเราวิ่งดีกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง
ปี 2561 มีงานฟูลมาราธอนเป็นเป้าหมายหลักของทั้งปี รวมถึงการเก็บระยะให้ได้ครบ 2018 กิโลเมตรด้วย งานฟูลมาราธอนคืองานนาวิกโยธินมาราธอน จึงทำให้ครึ่งปีแรก คือการเตรียมตัว และฝึกซ้อมเพื่อให้วิ่งจบฟูลมาราธอนที่ 2 ของชีวิตได้อย่างปลอดภัย และก็สามารถทำได้ตามเป้าหมาย ส่วนระยะทาง 2018 กิโลเมตร สามารถเก็บได้ครบไปตั้งแต่ปลาย พ.ย. แล้ว
งานที่วิ่งเพิ่มเติมขึ้นมา และวัตถุประสงค์ไม่เหมือนใคร (นอกเหนือจากการบริจาคเงินค่าสมัครบางส่วนเพื่ององค์กรการกุศล) นั่นคือ “การวิ่งเพื่อคนอื่น” อันนี้น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะทำให้ชีวิตนักวิ่งของเราเปลี่ยนไปตลอดกาล เรามีโอกาสได้วิ่งเพื่อคนอื่น คือ
เรามีอาการเจ็บฝ่าเท้าขวาในปีนี้เพิ่มขึ้นมา เป็นปัญหาโค้งเท้าล้มเพราะมีปุ่มกระดูกยื่นออกมาผิดทิศผิดทางจนทำให้เอ็นรองฝ่าเท้าอักเสบ แต่เราก็ถือว่าเป็นหัญหาที่ท้าทาย และยังมีทางแก้ไข การลงมือรักษาไปให้ถูกต้องตามเหตุปัจจัยคือสิ่งที่กำลังทำอยู่ อาการนี้จะทำให้เราวิ่งนานไม่ได้ การวิ่งฟูลมาราธอนไม่ใช่เรื่องง่ายของเอ็นฝ่าเท้าที่ต้องรองรับน้ำหนักเป็นเวลานาน และแพทย์ก็ไม่อยากจะให้วิ่งมากนัก แต่ก็ไม่ยากเกินไปหากคอยทบทวนอาการและซื่อสัตย์กับการประเมินตัวเอง เพื่อจะได้รู้ว่าควรหยุดหรือไปต่อ และสิ่งที่แน่นอนที่สุดคือเราต้องอยู่กับมันให้ได้ ความฝันว่าจะวิ่งจนอายุ 80 ปียังคงก้องอยู่ในหัว และเราก็ยังอยากจะทำให้ได้อยู่
สรุปการวิ่งปีนี้มีความหมายมากกว่าหลายปีที่ผ่านมา ตรงที่ “ความหมายของการวิ่ง” ได้เปลี่ยนไป จาก “การวิ่งเพื่อสุขภาพของตนเอง” เป็น “การวิ่งเพื่อความฝันของคนอื่น” ซึ่งเป็นความหมายที่กว้างกว่าเดิมมาก มากจนเราคิดว่ามีกิจกรรมที่สามารถทำเกี่ยวกับการวิ่งอีกมากที่สามารถทำเพื่อผู้อื่นได้การวิ่งที่เราเคยคิดว่ายากมาก แม้แต่แค่การลุกขึ้นจากเตียงในตอนเช้ามืดออกไปวิ่ง กลายเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เมื่อเรารู้ว่าการลุกขึ้นจากเตียงในเวลาตีสามมีคนรอเราอยู่ที่จุดปล่อยตัว และรอที่จะวิ่งไปด้วยกันกับเรา จนเข้าเส้นชัย มันคือความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ และช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับชีวิตเราขึ้นอีกมาก
ขอบคุณเพื่อนนักวิ่งทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตในปีที่ผ่านมา ทั้งเพื่อน Pacer ทั้งเพื่อนที่มาปรึกษาอาการเจ็บจนสุดท้ายกลายเป็นเพื่อนกัน ทั้งเพื่อนรอบตัวที่หันมาวิ่งด้วยกัน ไม่ว่าเส้นทางต่อไปข้างหน้าจะเป็นเช่นไร เราจะรู้ว่าเรายังมีเพื่อนวิ่งไปด้วยกันเสมอ
ขอบคุณโลกแห่งการวิ่งที่สอนให้รู้จักความอดทน ความอ่อนน้อม ความถ่อมตัว ความอบอุ่น และมิตรภาพระหว่างคนแปลกหน้าที่เกิดขึ้นใหม่ได้เสมอ
เรารักโลกแห่งการวิ่งนี้จริงๆ
Recent Comments