Explore the Knowledge for Runner
ในที่สุดวันงานวิ่งที่เราเฝ้ารอคอยก็มาถึง นั่นคือ งานวิ่ง 40,000 km Bumrungrad Run Together งานนี้เป็นงานภายในของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ที่เราทำงานอยู่ จัดโดยฝ่ายทรัพยากรบุคคล โดยมีเป้าหมายอยากจะให้พนักงานของโรงพยาบาลลุกขึ้นมาออกกำลังกายกัน และเพื่อเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ของคนในองค์กร
ตั้งแต่วันแรกที่ทีมงานเริ่มคิดว่าจะมีโครงการนี้เกิดขึ้น ก็เมื่อประมาณ 2 เดือนก่อนเท่านั้น เพื่อนที่เรารู้จัก ชื่อหนูวรรณ เป็นคนรับผิดชอบโครงการนี้เป็นหลักคือคนที่ไม่วิ่ง ไม่ชอบออกกำลังกาย ไม่เคยไปร่วมงานวิ่งมาก่อน สิ่งที่เพื่อนทำคือ “หาข้อมูล” และเราบอกได้เลยว่า เธอเป็นคนหาข้อมูลได้เก่งมากจริงๆ จึงทำให้งานออกมาสมบูรณ์แบบอย่างนี้ได้ นอกจากหนูวรรณแล้ว ยังมีพี่แป๋ว ผู้ซึ่งมีพลังสร้างสรรค์มากมาย หากได้เห็นพี่แป๋วจัดกิจกรรมพนักงานเมื่อไหร่ ก็จะได้เห็นใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุขของพี่แป๋วและพนักงานเมื่อนั้น
จากวันแรกที่ทางทีมผู้จัดเริ่มวางแผนงาน เรากลายเป็นที่ปรึกษากลายๆ อาจเป็นเพราะมีประสบการณ์การวิ่งมานาน 5 ปี มีประสบการณ์เข้าร่วมงานวิ่งมานานกว่า 5 ปี เป็นเจ้าของเพจ Joylyrunning เป็นนักกายภาพบำบัดที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการบาดเจ็บในนักวิ่ง เลยคงจะเป็นคนที่น่านำไปช่วยให้ข้อมูลในแง่มุมของการวิ่ง เพื่อการจัดงานวิ่งที่ดีออกมาสักงานหนึ่ง จึงถูกดึงเข้าไปอยู่ในทีมจัดงานพร้อมๆกับคนอื่น
จริงๆแล้วงานวิ่งไม่ใช่กิจกรรมหลักของโครงการนี้ แต่กิจกรรมหลักคือการวิ่งเก็บระยะรวมกันให้ได้ 40,000 กิโลเมตรในช่วงเวลา 1 พ.ค. 62 ถึง 23 ก.ย. 62 แต่งานวิ่งที่จัดถือว่าเป็นงานที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการวิ่งมากขึ้น และเป็นงานเปิดตัวด้วย ในวันงานจริง เราได้รับหน้าที่นำวอร์ม 10 นาที และนำวิ่งตอนปล่อยตัว เพื่อให้เพื่อนนักวิ่งรู้เส้นทาง ซึ่งเป็นหน้าที่ที่เราคิดว่าสามารถทำได้ แม้จะไม่เคยทำมาก่อนก็ตาม
พอใกล้วันงาน เพื่อนสามารถติดต่อเซเลปคนดังมาร่วมงานได้ 1 คน นั่นก็คือ ดีเจเอก กฤษณาวารินทร์ ซึ่งเป็นนักไตรกีฬาชื่อดังในวงการ นอกจากไตรกีฬาแล้ว ถ้านับเรื่องการวิ่งอย่างเดียว ดีเจเอกก็ไม่แพ้ใคร เรียกได้ว่ากำลังเตรียมตัวเพื่อให้ได้รับการเข้าร่วมงานวิ่งบอสตันมาราธอน ซึ่งเป็นหนึ่งในงานวิ่งระดับโลกด้วย เมื่อจะได้เจอเซเลปในวงการวิ่งอย่างนี้แล้วด้วย เราก็แอบตื่นเต้น และพอใกล้วันงานได้รับการบอกว่าจะได้นำวอร์มพร้อมกับดีเจเอก เราก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีก เราเตรียมท่าวอร์มและซักซ้อมกับคนในทีม ที่จะมาช่วยนำร่วมกันแล้ว ที่เหลือก็รอเวลางานจริงค่ะ
โครงการวิ่งนี้มีการแบ่งพนักงานออกเป็น 8 ทีม เพื่อเป็นการแข่งขันกันเองแบบเบาๆ มีการให้รางวัลพนักงานที่วิ่งถึง 40 กิโลเมตรก่อน 100 คนแรก ด้วยการมอบเสื้อ Finisher 40 km ซึ่งจะได้มารับกันในวันงานนี้ด้วย นอกจากนี้ก็จะมีมอบเสื้อให้อีก 100 คนแรกที่วิ่งได้ครบ 100 กิโลเมตรแรก และมาเพิ่มเติมทีหลังว่าจะมอบเสื้อให้อย่างไม่จำกัดจำนวน สำหรับคนที่วิ่งได้ครบ 100 กิโลเมตรทุกคน เพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนที่ตั้งใจวิ่งจริงๆ เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีเสื้อสำหรับทีมที่วิ่งได้รับระยะทางรวมมากที่สุดด้วย เรียกได้ว่าแม้จะเป็นรางวัลที่เตรียมไว้ให้จะไม่ได้มีราคามากมายแต่อย่างใด แต่ก็สามารถทำให้เพื่อนๆพนักงานออกมาเดินวิ่งออกกำลังกายมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พื้นที่ลานจอดรถของพนักงานถูกจับจองเป็นที่เดินวิ่งของพนักงานในตอนเย็นหลังเลิกงาน เห็นแต่ละคนทักทายกัน และถามว่าอยู่ทีมไหน แผนกไหน แค่นี้ก็เป็นตัวบ่งบอกถึงความสำเร็จของงานได้แล้ว ในฐานะหนึ่งในคนที่ออกกำลังกายอยู่แล้ว คงไม่มีความสุขใดมากไปกว่าการได้เห็นคนอื่นๆลุกขึ้นมาออกกำลังกาย
กลับมาที่งาน งานนี้จะมีระยะวิ่งรอบสวนป่าเบญจกิตติ 5 รอบประมาณ 4.7 กิโลเมตร พี่ๆทีมงานมีการไปเซอร์เวย์สถานที่ จับระยะทางกันเอง จนได้เส้นทางวิ่งที่แน่นอนแล้ว ที่เหลือก็เป็นหน้าที่หนูวรรณและพี่แป๋ว ที่เป็นผู้ประสานงานเพื่อเตรียมการจัดงานทั้งหมด กำหนดการปล่อยตัวนักวิ่งคือ 6.30 น. ส่วนเราจะได้นำวอร์มเวลา 6.00 น. เมื่อพร้อมแล้ว ก็เริ่มกันเลย
เราไปถึงงานตั้งแต่ 5.30 น. ลงทะเบียน รับเสื้อ Finisher 40 km แล้ว แต่ไม่ได้เปลี่ยนใช้เลย เพราะเราต้องใส่เสื้อ Staff งานแทน เรายืนรอเวลาประมาณ 6.10 น. จึงได้เริ่มการวอร์ม การวอร์มพร้อมกับดีเจเอกผ่านไปด้วยดี ได้ยินเสียงพูดตามประสานักวิ่งหน้าใหม่ทั้งหลายว่า วอร์มก็เหนื่อยแล้ว ลอยมาตามลม เป็นที่ขบขันกันไป หลังจากนั้นก็เป็นพิธีการกล่าวเปิดงานโดยพี่หลิง อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ซึ่งเป็น CEO ของโรงพยาบาล และมาร่วมวิ่งกับพวกเราวันนี้ด้วย แล้วก็พานักวิ่งทุกคนเข้าสู่จุดปล่อยตัว โดยมีทีมผู้บริหารของโรงพยาบาลที่มากันพร้อมหน้าเป็นคนเป่าแตรสัญญาณปล่อยตัว
เมื่อได้เวลาปล่อยตัวแล้ว เราที่เป็นนักวิ่งนำทางก็ต้องรีบออกตัวไปก่อน แต่ก็ยังวิ่งไม่ทันขาแรงผู้ชายที่ต้องการวิ่งนำ เนื่องจากงานนี้มีรางวัลเป็นคูปองอาหารร้านบอนชอนสำหรับ 2 อันดับแรก แยกชายหญิง เรามีน้องก้อยที่เป็นหนึ่งในขาแรงเหมือนกันที่เรารู้จักวิ่งนำไปแล้ว เลยได้แต่บอกก้อย ให้บอกกันต่อไป ตอนนั้นเพซเราก็ 4 ต้นๆแล้ว คงจะไม่สามารถเร็วไปกว่านั้นได้ เราวิ่งจนครบหนึ่งรอบ จึงได้ผ่อนความเร็วลงเล็กน้อย เพราะพ้นหนึ่งรอบแล้ว นักวิ่งก็รู้เส้นทางกันแล้ว เราจึงค่อยๆต่อสู่ความเร็วที่เรารู้สึกสบายๆ แต่หัวใจเต้นเข้าโซน 4 – 5 ไปแล้ว ไม่ยอมลงแล้ว เราก็วิ่งต่อไปเท่าที่จะสามารถทำได้ และมีความสุขสนุกกับการวิ่งตามธรรมชาติของเราไป
งานนี้จัดออกมาได้ดีมาก ทั้งเส้นทางที่วิ่งก็กว้างขวางเพียงพอต่อจำนวนคนประมาณ 400 คน เรายังคิดว่าถ้ามีโอกาสจัดใหม่สามารถเพิ่มได้อีกสัก 50 – 100 คนได้ น้ำท่าเพียงพอ ด้วยความที่สวนเล็ก จึงตั้งโต๊ะให้น้ำได้เพียง 2 จุด และมีน้ำหวานให้เลือกด้วย จากสปอนเซอร์ใจดีหลายราย ขนมปังและครัวซองที่แจกก็มีมากมาย ทานกันไม่หมด แถมรสชาติอร่อยมากซะด้วย ทีม Media ของโรงพยาบาลก็จัดทีมมาอย่างพร้อมเพรียง พร้อมกล้องทุกตัวที่มี เพื่อจัดการถ่ายภาพเก็บบรรยากาศให้ได้ครบทุกมุม เรียกว่าทุ่มทุนสร้างกันเลยทีเดียว
การจัดการเวลาเป็นไปได้ดีตามโปรแกรม แรกๆ เราจะ Cut off กันที่เวลา 8.00 น. แต่พอเวลาประมาณ 7.10 น. นักวิ่งเกือบทั้งหมดก็เข้าเส้นชัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากงานวิ่ง ยังมีการจัดกิจกรรมตอบคำถามง่ายๆเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์กรเพื่อแจกของรางวัล ซึ่งก็เป็นส่วนที่ช่วยเสริมให้กิจกรรมภาพรวมสนุกขึ้น เมื่อนักวิ่งเข้าเส้นชัยครบแล้วก็ถึงเวลาให้ทีมผู้บริหารแจกเหรียญรางวัลให้กับพนักงานทุกคน รวมทั้งมอบรางวัลให้กับนักวิ่งที่ได้ที่ 1 และ 2 ด้วย พิเศษกว่านั้นคือ งานนี้ทั้งนักวิ่งหญิงและชาย วิ่งเฉือนที่ 2 กับที่ 3 อย่างเฉียดฉิว จึงทำให้ทีมผู้บริหารเปลี่ยนใจให้รางวัลที่ 3 ด้วย เมื่อเสร็จจากงานพิธีการทั้งหมดแล้ว ก็ถึงเวลาถ่ายรูปร่วมกันก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านกันไป
จบกิจกรรมงานวิ่งไปด้วยสถิติที่ดีจริงๆ ไม่ได้วิ่งความเร็วอย่างนี้มานานแล้ว เราจบ 4.59 กิโลเมตรไปด้วยเวลา 26:17 กิโลเมตร ได้ความเร็วเฉลี่ย 5:44 นาทีต่อกิโลเมตร หัวใจอยู่ในโซน 3 – 4 เป็นส่วนใหญ่ อาจเพราะอากาศไม่ร้อนมากเท่าไหร่ จำนวนก้าวสม่ำเสมออยู่ที่ 172 – 182 ก้าวต่อนาที
ถึงแม้เราจะไม่ใช่คนที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการจัดงานเรา แต่เราก็ประทับใจงานวิ่งในวันนี้มากกว่าทุกงานที่ผ่านมาในชีวิต คงต้องยกเครดิตดีๆให้กับหนูวรรณและพี่แป๋ว และพี่น้องในทีมอีกหลายๆคนที่ช่วยกันทำให้งานนี้สำเร็จลงได้ด้วยดีและสวยงาม สิ่งที่เราประทับใจจริงๆคือการที่เราได้มีส่วนร่วมในการจัดงานครั้งนี้ แม้จะไม่ได้ทำอะไรมากมายก็ตาม คงเพราะตลอดเวลาสิบกว่าปีที่เราทำงานที่โรงพยาบาลนี้มา เวลาโรงพยาบาลจัดงานอะไรก็ตาม เราเป็นเพียง “ผู้เข้าร่วมงาน” แต่มาครั้งนี้ เราได้เป็น “ผู้ร่วมจัดงาน” ซึ่งความรู้สึกที่เห็นงานจบลงด้วยดีโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ แถมจบไปอย่างงดงามเสียด้วย มันเป็นความสุขที่มากกว่าการได้เข้าไปเติมเต็มงานในฐานะผู้ร่วมงาน อีกมุมหนึ่ง มันก็คือการได้เปลี่ยนฐานะจากการเป็น “ผู้รับ” กลายเป็น “ผู้ให้” ซึ่งดีใจที่เราได้ตอบแทนโรงพยาบาลนี้ได้บ้าง ใช่ ถึงแม้ว่าเราทำงานแลกกับเงินเดือนจากโรงพยาบาล แต่เราก็ได้ประสบการณ์ การเรียนรู้ที่หาเงินแลกที่ไหนไม่ได้จากโรงพยาบาลนี้อีกมากมาย และหากพูดถึงสิทธิตามกฎหมาย โรงพยาบาลนี้ก็ได้ให้สวัสดิการอย่างเต็มที่ตามที่พนักงานคนหนึ่งควรจะได้รับ
งานครั้งนี้จึงทำให้เราได้เรียนรู้ว่า แม้จะเป็นฟันเฟืองเล็กๆชิ้นหนึ่งในเครื่องจักรใหญ่โตมโหฬาร แต่หากจะทำให้เครื่องจักรเดินหน้าต่อไปได้ แค่นี้ก็มีความสุขแล้วค่ะ ต้องขอบคุณโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ที่จัดกิจกรรมดีๆให้พนักงานได้มีความสุขนะคะ โครงการนี้ยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ คงต้องรอจนจบโครงการจริงๆ อาจจะมีกิจกรรมอะไรมาให้สนุกกันอีกก็ได้ค่ะ
ขอให้เพื่อนนักวิ่งค้นพบความสุขเล็กๆจากการได้เป็นผู้ให้กันนะคะ
25 พ.ค. 62
Recent Comments